วันจันทร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2555

"สมพิศ แก้วคำ อายุ 45 ปี" พลเมืองดีที่ต้องสูญชีวิตไป ขณะที่ร่วมสนับสนุนเข้าช่วยเหลือเหตุเพลิงไหม้ รถยนต์ตู้ บริเวณแยกเอกมัยเหนือ ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กทม. เมื่อ 28 เมษายน 2555 ที่ผ่านมา...

ซึ่งขณะที่เกิดเหตุ "สมพิศ" ได้ร่วมสนับสนุนในการใช้น้ำในพื้นที่ใกล้เคียง เข้าดำเนินการเบื้องต้นในจุดเกิดเหตุ แต่ด้วยประการใดก็แล้วแต่ "สมพิศ" เกิดสำลักควันในขณะที่เข้าให้การช่วยเหลือ ณ จุดเกิดเหตุ...

ส่งผลให้ร่างของ "สมพิศ" แน่นิ่งไปต่อหน้าต่อตาของเพื่อนๆอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง อาสาสมัครศูนย์วิทยุพระราม 9 อาสาสมัครร่วมด้วยช่วยกัน กำลังอาสาสมัครหน่วยบรรเท่าสาธารณะภัย และ ประชาชนผู้พบเห็นเหตุการณ์...

จากวินาทีที่เกิดเหตุ การเข้าช่วยเหลือจากเพื่อนๆอาสาสมัคร ตลอดถึงการเข้ายื้อชีวิตของแพทย์ พยาบาล ในช่วงวิกฤติคับขันนั้น! การช่วยเหลือไม่เป็นผล ส่งผลให้ "สมพิศ" ต้องจากไปในหน้าที่ของประชาชนพลเมืองดี ต่อหน้าต่อตา อาสาสมัครหลายหน่วยงาน...

การจากไปของ "สมพิศ" ในหน้าที่ของ "ภาคประชาชน พลเมืองดี" ในนามของกลุ่มอาสาสมัคร หน่วยกู้ชีพ หน่วยกู้ภัย ขอร่วมไว้อาลัยต่อครอบครัว "แก้วคำ" ที่ต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักยิ่ง ต่อเหตุการณ์ที่เหนือความคาดหมาย กับการจากไปด้วย "ความดี" ที่ทิ้งไว้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น!...
หนุ่ม"เมสเซ็นเจอร์"วัย 45 ปี พลเมืองดี เจอรถตู้ไฟไหม้ กลางแยกเอกมัยเหนือ ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ รีบจอดรถจยย.เข้าไปช่วยดับไฟ ก่อนสำลักควันไฟตายอนาถ เมียเผยสามีชอบช่วยเหลือคนอื่น เวลามีไฟไหม้มักจะเข้าช่วยดับ มีคนเดือดร้อนก็ช่วยโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนเมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 28 เม.ย. พ.ต.ท.ภาณุศักดิ์ เสมอศรี พนักงานสอบ สวน (สบ 2) สน.มักกะสัน ได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้รถตู้ที่บริเวณแยกเอกมัยเหนือ ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กทม. หลังรับแจ้งจึงประสานรถน้ำจากสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานคร เจ้าหน้าที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง และเจ้าหน้าที่ สน.มักกะสัน เข้าตรวจสอบ เมื่อถึงที่เกิดเหตุพบรถตู้ยี่ห้อโฟล์กสวาเก้น สีเทา หมายเลขทะเบียน ฮต 6061 กทม. มี นายถาวร ใจกล้า อายุ 45 ปี เป็นผู้ขับ โดยเพลิงกำลังลุกไหม้ท่วมรถทั้งคัน ซึ่งมีพล เมืองดีกำลังช่วยกันนำถังดับเพลิงเข้าฉีดสกัดกั้นเพลิงอยู่ จากนั้นรถน้ำดับเพลิงเข้ามาฉีดน้ำสกัดกั้นเพลิงไหม้ จนสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ โดยใช้ประมาณ 20 นาที แต่รถได้รับความเสียหายทั้งคัน ระหว่างเกิดเหตุทราบว่า มีพลเมืองดีที่เข้าไปช่วยดับเพลิง เกิดสำลักควันได้รับบาดเจ็บจนหมดสติล้มลงตรงที่เกิดเหตุ ทราบชื่อคือ นายสมพิศ แก้วคำ อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 100/735 เคหะคลอง เตย 4 แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กทม. เจ้าหน้าที่ถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเพชรเวช เพื่อให้แพทย์กู้ชีพอย่างเร่งด่วนแต่ไม่สามารถยื้อชีวิตได้ พลเมืองดีเสียชีวิตในเวลาต่อมา จากการสอบถามนายถาวร ผู้ขับรถตู้คันที่เกิดเพลิงไหม้ ทราบว่า รถคันดังกล่าวใช้น้ำมันเบนซินเป็นเชื้อเพลิง ก่อนเกิดเหตุตนขับรถไปส่งเจ้านายที่ย่านอาร์ซีเอ จากนั้นก็ขับรถกลับ และมาจอดรถติดไฟแดงอยู่ที่แยกเอกมัยเหนือ ก็สังเกตเห็นว่ามีควันพุ่งออกมาจากเครื่องยนต์ด้านหน้ารถตู้ จึงวิ่งหนีออกมาก่อนที่ไฟจะลุกไหม้รถ จนมี พลเมืองดีและเจ้าหน้าที่มาช่วยกันดับไฟ ดังกล่าว ด้านนางนภาพร แก้วคำ อายุ 44 ปี ภรรยาผู้ตาย กล่าวว่า ผู้ตายเป็นสามีและเป็นกรรมการชุมชน 70 ไร่ ย่านคลองเตย ที่พวกตนพักอยู่ ผู้ตายทำงานเป็นเมสเซ็นเจอร์ ห้างหุ้นส่วนจำกัด เอส เอส กราฟฟิค ซอยพัฒนาการ 53 และใช้รถ จยย.ยี่ห้อฮอนด้า รุ่นคลิกไอ สีแดง-ดำ หมายเลขทะเบียน ฬวล 784 กทม. ขับตระเวนส่งเอกสารให้กับ ลูกค้าของบริษัท โดยวันนี้ผู้ตายก็ขับรถส่งเอกสารตามปกติ ซึ่งตนมาทราบภายหลังว่า ผู้ตายพยายามเข้าไปช่วยดับไฟที่กำลังลุกไหม้รถตู้ แต่เกิดสำลักควันไฟจนหมดสติและเสียชีวิตในเวลาต่อมา สำหรับผู้ตายจะมีอุปนิสัยเป็นคนชอบช่วยเหลือชาวบ้าน เวลามีไฟไหม้ก็จะเข้าไปช่วยดับ และหากมีคนเดือดร้อนก็จะเข้าไปช่วยเหลือโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน ตนรู้สึกภูมิใจที่สามีเป็นคนดี ชอบช่วยเหลือคนอื่น แต่ก็เสียใจกับการจากไปของสามีด้วยเบื้องต้นเจ้าหน้าที่คาดว่า สาเหตุน่าจะเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจรภายในเครื่องยนต์ จนเกิดประกายไฟและลุกไหม้ภายในเครื่อง ยนต์จนออกมาด้านนอก ส่วนผู้ตายคาดว่าน่าจะเกิดจากการสำลักควันไฟ ขณะเข้าช่วยดับเพลิงจนหมดสติและเสียชีวิต หลังจากนี้จะได้นำศพผู้ตายส่งชันสูตรที่นิติเวช ร.พ. รามาธิบดี เพื่อหาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริง ก่อนมอบญาตินำศพไปบำเพ็ญกุศลตามประเพณี พร้อมกับส่งรถตู้คันเกิดเหตุไปตรวจสอบหาสาเหตุต่อไป(ขอบคุณข้อมูลจาก ข่าวสด)เพิ่มเติม ศพตั้งสวดพระอภิธรรม ณ.วัดสะพาน พระโขนง จนถึงวันพุธที่ 3 พ.ค. และจะมีพิธีฌาปณกิจในวันที่ 4 พ.ค. 55


"The economic glass, a 45-year-old" good citizens to their lives. While support for rescue and fire vehicle access over the bus. New Petchburi Road, Bangkapi, Huay Kwang, Bangkok on 28 April 2555 at the ...At the scene of "The Pit" has been supported in the use of water in the neighborhood.Operation, primarily in the scene. But in any case it's "The Pit" was choked with smoke, while assisting at the scene ...As a result, the draft of "The Pit", centered in front of your volunteer Teck Tung Foundation of Ningbo. Volunteer Center Rama 9 radio volunteer to help. Volunteers are the atmosphere and the people who witness a disaster ...Seconds of the scene. The help of other volunteers. Through the dispatches of emergency medical care is in crisis! Support is not as effective, resulting in "the Pit" in need of a good citizen of the presence of voluntary organizations ...The departure of "The Pit" in function "public citizen" in the name of the volunteer rescue units, rescue teams thoughts and prayers to the family, "Glass," words that have lost loved ones even more. To an event that exceeds expectations. With the departure of a "best effort" to leave the incident ...Young "Messenger" a good citizen, 45 years old my car on fire. The medium of Ekamai.New Petchburi Road. I parked the car with me. To help extinguish the fire. Before the tragic death choking smoke. I said I love to help others. There is often a failure to fire.The trouble is that without expecting anything in return at 17:00 pm on 28 Apr believe me that Sri Panu section staff (Level 2) Makkasan police station was informed that a van fire. The area of ​​the bus. New Petchburi Road, Bangkapi, Huay Kwang, Bangkok has been coordinating the car pool from the Office of Disaster Prevention and Mitigation.Bangkok Teck Tung Foundation officials in Ningbo. Makkasan police station and officers at the scene to check on the car brand Volkswagen spending Gray catalog numbers 6061 Bangkok have fixed the spunky 45-year-old man with a fire burning flood.vehicles and infantry units, the city is helping to bring fire to the fuel injection block. The fire truck was blocking a fire hose. It can control the fire by about 20 minutes, but both cars were damaged. During that incident. The good citizens to help firefighters. The choking smoke was injured and knocked unconscious at the scene said that the economic glass is a term of 45 years of age, residing at 100/735 Housing 4, Klong Toey, Bangkok, Klongtoey officer was taken to. Epchrewch hospital. Rescuers rushed to the doctor but I can not live alone. Good citizen, died at a later time. The question of the permanent The driver of the van fire that the gasoline-fueled vehicles. Before the accident he drove royalty, both RCA. Then drive back. Parking and red light at the intersection of bus. I noticed that the smoke ejected from the car engine. I ran away before the fire to burn the car and a good citizen and staff to help extinguish the fire as the City University of glass, the age of 44, his wife, who died the death of her husband and the community, 70 acres. Klong Toey district where they live. Who was working as a Messenger. SSP Partnership Development Graphic Soi 53 and the motorcycle is the Honda brand's red - the black ones were registered in Bangkok 784 documents to a crawl. The firm's clients. Today, the victim drove to the normal. Which he found out later that Who died trying to extinguish the burning van. However, the choking smoke and lost consciousness and died later. Death for the character, I love to help people. The time it takes to help extinguish the fire. If you have trouble, it will help without expecting anything in return. Her husband was very proud. Like to help others. I was saddened by the loss of her husband, with the introduction of its staff. Cause a short circuit inside the engine.The sparks and flames inside. The motor outward. The victim is expected to be caused by the choking smoke. The help of fire and loss of consciousness and death. This will bring the dead corpse to the forensic laboratory at Ramathibodi hospital to determine the exact cause of death. First, relative to the body to perform religious tradition. With delivery van to the scene to determine the cause (thanks to information from News) more. The funeral liturgy was set at the bridge to Sukhumvit Wednesday 3 May and will be at the ceremony, Jacques works on 4 May 55.The incense of flowers.



วันศุกร์ที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2555










รถพยาบาลมี คนขับไม่บาดเจ็บ พยาบาล1ท่านเจ็บสาหัส ผู้ป่วย1 และญาติ1 บาดเจ็บปานกลาง ประเมินที่จุดเกิดเหตุนะครับเดี๋ยวติดตามอาการแล้วมาแจ้งให้ทราบ

ที่เกิดเหตุสอบถามผู้เห็นเหตุการณ์บอกว่ามีกระบะตอนครึ่งวิ่งเลนขวาตามด้วยรถพยาบาลทิ้งระยะประมาณ25เมตร ส่วนเลนซ้ายเป็นรถบรรทุกการเกษตร วิ่งมาถึงจุดกลับรถกระบะตอนครึ่งวิ่งแซงตามปกติแต่รถบรรทุกการเกษตรหักเลี้ยวขวาเข้าจุดกลับรถโดยไม่ได้ดูว่ามีรถพยาบาลวิ่งตามกระบะมาอีกคันเพราะรถพยาบาลเปิดแต่ไฟวับวาบไม่เปิดเสียง จนทำให้มีผู้บาดเจ็บ3รายส่วนคนขับรถการเกษตรหลบหนีตามระเบียบ คาดว่าอีกไม่นานคงจับได้โดยละม่อม  ขอบคุณหน่วย กู้ชีพแม่กุ ,อ.ป.พ.ร.แม่สอด,สยามกู้ภัย,ตากร่วมใจสงเคราะห์,กู้ภัยพายับ,ร่วมกตัญญู,ดับเพลิงแม่สอด,และผู้ร่วมปฏิบัติหน้าที่ทุกท่าน







ดูไว้เป็นอุทาหรณ์ ขนาดนี่รถโรงพยาบาล ยังขนาดนี้ แล้วเราเรา ท่านท่าน ที่มีจิตอาสา ที่ไม่ได้หวังผลตอบแทนอะไรจากการที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัย ให้บรรเทาทุกข์คลายความเจ็บปวด เร่งรัดที่เกิดเหตุ ตรวจสอบเหตุ  ขอร้องเถอะครับ ประชาชนพี่น้องที่ใช้ถนนรบกวนระวังกันซักนิด เนื่องจาก รถอาสาทุกหน่วยงานที่ออกปฏิบัติหน้าที่เค้าได้ผ่านการอบรมมาซึ่งมีใจช่วยเหลือผู้ประสบภัย  เปิดไฟไซเรนแล้วเสียงหวอต่างๆนั้น เพื่อให้ท่านที่ขับด้านหน้าได้รู้ตัว แล้วช่วยซักนิดเถอะครับ ไม่ต้องถึงกับว่าต้องหลบกระทันหัน เพียงแต่ท่าน ชิดด้านซ้ายกันซักนิด เพื่อที่รถอาสาต่างๆเค้าจะได้ไปตรวจสอบเหตุด้านหน้าได้ ซึ่งเหตุด้านหน้าคืออะไรก้อไม่รู้ ซึ่งอาจจะเป็น ญาติ หรือ คนรู้จักของ ท่านที่ใช้ถนน อย่างไม่มีน้ำใจ 

นับเป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่าการออกกำลังกายจะช่วยให้เรามีสุขภาพกายและใจ ดี และประการสำคัญซึ่งเป็นยอดปรารถนาของผู้หญิงก็คือ ช่วยให้ทรวดทรงได้สัดส่วน หากแต่เชื่อได้เลยว่าทุกวันนี้คุณสาวๆ คงไม่ค่อยจะมีเวลาไปออกกำลังกายนัก หรือไม่ก็อาจจะทำงานติดพันจนพลอยขี้เกียจออกกำลังกายไปเลย... คราวนี้เราเลยขอนำเสนอการบริหารกายพื้นฐานง่ายๆ ด้วยการแกว่งแขนซึ่งสามารถทำได้ทุกที่ทุกเวลา แถมยังสามารถรักษาโรคได้ด้วย

วิธี กายบริหารด้วยการแกว่งแขนนี้ นำมาจากคัมภีร์เปลี่ยนเส้นเอ็นของพระโพธิธรรม (ตั๊กม้อโจ้วซือ) ชื่อว่า คัมภีร์ ต๋า โม๋ อี้ จิน จิง ซึ่งนับเป็นวิธีออกกำลังกายเพื่อส่งเสริมสุขภาพและขจัดโรคภัย ปฏิบัติได้ง่าย แต่ให้ผลเป็นที่น่าอัศจรรย์! การแกว่งแขนนี้เป็นการแกว่งให้เลือดลมเดินได้สะดวก และปรับสภาพเส้นเอ็น โดยจะช่วยรักษาโรคความดันโลหิตทั้งสูงและต่ำ หัวใจ ประสาท โรคจิต ไต ตับ อัมพาต เนื้องอก มะเร็ง นอนไม่หลับ โรคโลหิต ถึงโรคเรื้อรังต่าง ๆ แทบทุกโรคที่เกิดจากการเต้นของชีพจรไม่สม่ำเสมอ และเลือดลมที่เดินไม่สะดวกทั้งสิ้น
การแกว่งแขนจะทำให้การหมุนเวียนโลหิตดีขึ้นตามลำดับ และชีพจรก็จะเต้นได้สม่ำเสมอ นับเป็นการออกกำลังกายที่ง่ายมากทั้งยังให้ผลเกินคาด เพียงแต่ผู้ปฏิบัติต้องมีความขยันและอดทนปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอ สามารถทำได้ทุกที่ หากแต่ถ้าจะทำในที่โล่งได้ก็จะดีมากเพราะจะได้อากาศบริสุทธิ์ ยิ่งยืนบนหญ้าก็จะได้

แร่ธาตุจากดินจากน้ำค้างด้วย มาดูวิธีการปฏิบัติกันเลยค่ะ...
1. ยืนตรง เท้าสองข้างแยกออกจากกันให้มีระยะห่างเท่ากับหัวไหล่
2. ปล่อยมือสองข้างลงตามธรรมชาติ อย่าเกร็ง ให้นิ้วมือชิดกัน หันอุ้งมือไปข้างหลัง
3. หดท้องน้อยเข้า เอวตั้งตรง เหยียดหลัง ผ่อนคลาย กระดูกลำคอ ศีรษะ และปาก ผ่อนคลายตามธรรมชาติ
4. จิกปลายนิ้วเท้ายึดเกาะพื้น ส้นเท้าออกแรงเหยียบลงบนพื้นให้แน่น ให้แรงจนกล้ามเนื้อโคนเท้า โคนขาและท้องตึง ๆ เป็นใช้ได้
5. บั้นท้ายควรให้งอขึ้นเล็กน้อย ระหว่างบริหารต้องหดก้นหรือขมิบทวารหนัก คล้ายยกสูงให้หดเข้าไป
ในลำไส้
6. ตามองตรงไปจุดใดจุดหนึ่งจุดเดียว สลัดความคิดฟุ้งซ่าน กังวล ออกให้หมด ทำสมาธิให้รู้สึกอยู่ที่เท้า
7. แกว่งแขนไปข้างหน้าเบาหน่อย ทำมุม 30 องศากับลำตัว แล้วแกว่งไปหลังแรงหน่อย ทำมุม 60 องศากับลำตัว จะทำให้เกิดแรงเหวี่ยง นับเป็น 1 ครั้ง โดยปล่อยน้ำหนักมือให้เหมือนลูกตุ้ม แกว่งแขนไป-มา โดยเริ่มจากทำวันละ 500 ถึง 1,000-2,000 ครั้ง ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 30 นาที
เห็นไหมค่ะว่าสามารถทำได้ง่ายมาก แถมยังไม่ต้องเสียเวลาเตรียมตัวอะไรมากมาย ยังไงก็อย่าลืมลองนำไปปฏิบัติดูนะค่ะ ถือว่าเป็นอีกทางเลือกหนึ่งสำหรับผู้ไม่มีเวลาไปออกกำลังกายที่ไหน หรือจะสลับกับการออกกำลังกายแบบอื่น ๆ แก้เบื่อบ้างก็ได้


ขอขอบคุณข้อมูล/ภาพประกอบจาก lauriermybrand.com

ชุมพรร้อนจัด ทำควายของกลุ่มอนุรักษ์ควายไทยเสียชีวิต เจ้าหน้าที่ปศุสัตว์คาดความดันในร่างกายสูงมากจนอวัยวะภายในทะลักออกมาทางก้น

นายสุทธิพันธ์ สุวรรณบัณฑิต ส.อบต.หมู่ที่ 2 ต.ท่ามะพลา อ.หลังสวน จ.ชุมพร เปิดเผยว่า มีควายของกลุ่มอนุรักษ์ควายไทย ในโครงการธนาคารโค-กะบือ โครงการตามพระราชดำริ มีอาการดิ้นทุรนทุราย และจะพลัดตกลงไปในแม่น้ำหลังสวน  ซึ่ง เป็นริมตลิ่งสูงร่วม 3 เมตร แต่ควายตัวดังกล่าวไม่สามารถเดินได้ เนื่องจาก ขาทั้ง 4 ข้าง อยู่ในสภาพไม่มีเรี่ยวแรง จึงฟุบลงกับพื้นดิน แล้วคลาน จนกระทั่งพลัดตกลงไปในตลิ่งริมแม่น้ำที่สูงชัน
ชาวบ้านพยายามใช้เชือกล่ามที่เขา และ ค่อยๆ ดึงพยุงไว้เพื่อไม่ให้ควายตกลงไปแบบรุนแรง จนกระทั่งควายลงไปนอนที่พื้นริมแม่น้ำ แต่ยังคงมีอาการดิ้นตลอดเวลา ที่ก้นมีก้อนเลือดขนาดใหญ่กว่ากำปั้นทะลักออกมา และเลือดไหลออกมาตลอดเวลา ชาวบ้านพยายามเอาน้ำมารดตัว และ ให้ควายกิน แต่ควายกินได้เพียงเล็กน้อย เวลาผ่านไปร่วม 30 นาที ควายตัวดังกล่าวก็ขาดใจตาย ท่ามความตื่นตระหนกของชาวบ้าน
ต่อมา เจ้าหน้าที่ปศุสัตว์ อ.หลังสวน เข้ามาดูอาการ และ ลงความเห็นว่า ตายเพราะทนความร้อนของอากาศไม่ได้ ทำให้ความดันในร่างกายสูงมากจนอวัยวะภายในทะลักออกมาทางก้น สร้างความเจ็บปวดทรมานจนตาย

ปิดฉากหลุมไฟนครไทยแม็คโครคุ้ยสูบน้ำใส่

เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2555 นายมานพ บุญแจ่ม  ผู้เชียวชาญจากส่วนปฏิบัติการฉุกเฉิน(สารเคมี) นักวิชาการสิ่งแวดล้อมชำนาญการพิเศษ กรมควบคุมมลพิษกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายชาตรี ไชยวงค์ นักวิชาการสิ่งแวดล้มชำนาญการพิเศษ สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 3นายโนริมาซะ ชิโมมูระ อาสาสมัครญี่ปุ่น จาก JICA พร้อมคณะ ได้เดินทางมาตรวจสอบในพื้นที่หลุมไฟ ม.9 บ้านโนนตะโพน ต.หนองกะท้าว อ.นครไทย จ.พิษณุโลก โดยนำ เครื่องมือวัดความเสี่ยง ก่อนจะเข้าในพื้นที่ป้องกันสารพิษ ก่อนจะใช้เครื่อง Miran ตรวจวัดหาก๊าซพิษ ปรากฏว่าในพื้นผิวดิน ไม่พบก๊าซพิษแต่อย่างใด  หลังจากนั้นทางเจ้าหน้าที่ได้ใช้เครื่องเจาะลงไปใต้บริเวณที่มีความระอุอยู่ที่ปากหลุม พร้อมกับใช้เครื่อง Miran วัด พบว่า มีค่าก๊าซพิษคาร์บอนไดซัลไฟล์สูงสุดระดับ 88 ppm  หลังทางเจ้าหน้าลองใช้น้ำราดที่ดินขุดขึ้นมา พร้อมใช้เครื่องวัดระดับก๊าซพิษ ได้ค่าก๊าซพิษคาร์บอนไดซัลไฟล์สูงถึง 159-200 กว่า ppm เนื่องจากมีการเผาใต้พื้นดินลึกประมาณ 2 เมตร  ส่วนซันเฟอร์ไดอ๊อกไซด์ เครื่องตรวจจับไม่ได้

นายนายมานพ บุญแจ่ม  ผู้เชียวชาญจากส่วนปฏิบัติการฉุกเฉิน(สารเคมี) นักวิชาการสิ่งแวดล้อมชำนาญการพิเศษ กรมควบคุมมลพิษกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวว่า พื้นที่ดังกล่าว มีการเผาไหม้ลามเข้ามาก่อนหน้า แต่ช่วงหน้าฝนจึงไม่เกิดความร้อน แต่พอหน้าแล้งทำให้พื้นที่ดังกล่าวมีความแห้ง จึงเกิดการลุกไหม้ติดกับขี้เลื่อยที่อยู่ผิวดิน ก่อนจะลามลุกติดกับเถ้าถ่านใต้ดินร้อนระอุ จนเกิดการเผาไหม้มีก๊าซพิษดังกล่าว ส่วนก๊าซพิษเกิดจากอะไร ต้องมีการตรวจสอบอีกครั้ง

นายนายมานพ บุญแจ่ม  กล่าวอีกว่า การที่จะลดปัญหาดังกล่าว ต้องเปิดช่องว่างให้ความร้อนที่ระอุอยู่ใต้ดินระบายออกมา จากนั้นใช้น้ำหล่อเลี้ยงความร้อนเอาไว้ เพื่อให้ความร้อนลดลง หากไม่มีการเผาไหม้ก๊าซพิษก็เกิดไม่ได้ จึงต้องแก้ไขไม่ให้มีการเผาไหม้ให้ได้เสียก่อน เพราะปกติเมื่อมีการเผาไหม้ก็จะมีก๊าซคาร์บอนไดอ็อกไซด์อยู่แล้ว ต้องเปิดให้อากาศใต้พื้นดินระบายออกมาให้ได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการสอบถามชาวบ้าน ทราบว่า ก่อนเกิดเหตุไฟลุกจากใต้ดิน เนื่องจากมีชาวนาที่มีพื้นที่ติดกัน ได้เผาซังตอข้าวลามมาติดพงหญ้าแห้งที่ขึ้นปกคลุมเนินขี้เลื่อย ทำให้เกิดการเผาไหม้ขี้เลื่อย เนื่องจากพื้นที่แห้งแล้งจนติดเป็นไฟลามลงไปติดเศษเถ้าถ่านที่อยู่ใต้ดิน ซึ่งเป็นเตาเผาถ่านเก่า จนเกิดการคลุกกรุนเกิดเผาไหม้ใต้ดินเป็นเวลามานานนับเดือน ก่อนที่จะมีคนไปพบและเหยียบบาดเจ็บดังกล่าว
ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 9 จังหวัดพิษณุโลก ได้นำรถสูบน้ำระยะไกล 3 กิโลเมตร เพื่อมาสูบน้ำขึ้นจากแม่น้ำแควน้อย ซึ่งอยู่ห่างประมาณ 500 เมตร เพื่อดึงน้ำมาใส่ที่บริเวณหลุมไฟ และได้ใช้รถแม๊กโครขุดลงไปก่อน เพื่อเปิดหน้าดินระบายความร้อน โดยต้องใช้รถน้ำฉีดพรมแบบกระจายเป็นฝอย ให้อากาศและผิวดินลดความร้อนลง และไม่ให้ฝุ่นฟุ้งกระจาย ซึ่งได้รับการช่วยเหลือจาก สจ.พิ้ง ประสานขอรถแม๊กโครที่แค้มป์คนงานมาช่วยเหลือในเบื้องต้น หลังจากจะใช้สูบน้ำระยะไกลสูบน้ำมาจากแม่น้ำแควน้อยใส่ในหลฃุมที่ใช้แม๊กโครขุดขังเอาไว้ เพื่อให้ระบายความร้อย และไฟที่ไหม้คลุกกรุนอยู่ใต้ดิน จึงจะสามารถดับไฟทั้งหมดได้
หลังจากนั้นคนขับรถแม๊กโครได้ขุดลงไปบริเวณหลุมไฟ ปรากฏว่าขณะขุดลงไปความร้อนที่ระอุอยู่ใต้ดิน ได้พวยพุ่งขึ้นฟ้าสูงกว่า 10 เมตร เป็นควันดำ มีกลิ่นเผาไหม้ และมีความร้อนมาก ทุกครั้งที่ขุดขึ้นมาจะพบว่าเป็นขี้เลื่อยและเศษก้อนถ่านที่ยังเผาไหม้ไม่หมดจำนวนมากมาย โดยได้ขุดในหลายจุดเพื่อระบายความร้อนให้หมด โดยทำเป็นหลุมขนาดใหญ่จำนวนหลายหลุม ตลอดเวลาเจ้าหน้าที่ต้องฉีดน้ำระบายความร้อนเอาไว้ เพื่อให้ฝุ่นละอองและความร้อนฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ อกระทั่งสามารถดำเนินการได้เรียบร้อย โดยไม่มีปัญหาแต่อย่างใด คาดว่าน่าจะสามารถดับความร้อนใต้ดินได้ทั้งหมด หลังจากรถสูบน้ำระยะไกลเดินทางมาถึง และทำการสูบน้ำใส่หลุมได้ในค่ำคืนนี้
สำหรับการเข้ามาของ กรมควบคุมมลพิษและสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 3 ที่เดินทางมาวันนี้ เท่ากับว่า ได้ปิดข่าวปรากฏการณ์หลุมไฟใต้ดินในอ.นครไทย ทันทีเพียงแค่ก็นำเครื่องมือตรวจวัดตรวจสอบแก๊สพิษในบรรยากาศและใต้พื้นดินกระทั่งสุดท้ายใช้แม็คโครขุดใต้ดิน จนพบว่าเป็นเพียงแค่ บ่อเตาเผาถ่านและพบเศษผงถ่านธรรมดา เมื่อให้ฉีดน้ำจนท่วม ทุกอย่างก็จบเข้าสู่ภาวะปกติจากนั้นเจ้าหน้าที่คณะกรมควบคุมมลพิษ(กรุงเทพฯ)และสำนักงานสิ่งแวดล้อมภาค3(พิษณุโลก) ล้มเชือกกั้นและป้ายเพราะแม็คโครคันเดียว

ชาวภูเก็ตและนักท่องเที่ยวยังตื่นข่าวลือภูเก็ตจมบาดาล 28 เม.ย.นี้ บางส่วนทยอยอพยพหนีชั่วคราว
ประชาชนชาวภูเก็ตและผู้ประกอบการร้านค้าต่างๆในเขตเมืองภูเก็ตพากันปิดร้านชั่วคราวพร้อมอพยพไปพักผ่อนต่างจังหวัดชั่วคราวเพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินเพราะยังหวาดผวากับข่าวลือว่าเกาะภูเก็ตจะจมในวันที่ 28 เม.ย.นี้ เช่นเดียวกับนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติพากันยกเลิกห้องพักส่งผลทำให้การจราจรบริเวณถนนเทพกษัตรีย์ ขาออกนอกเมืองภูเก็ตติดขัด  ตรงข้ามกับขาเข้าภูเก็ตมีปริมาณน้อยมาก ขณะที่บขส.ภูเก็ตและท่าอากาศยานภูเก็ตมีประชาชนแห่ไปใช้บริการเป็นจำนวนมาก  
 
นางบังอรรัตน์ ชินะประยูร ผู้อำนวยการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานภูเก็ต กล่าวว่า จากข่าวลือดังกล่าว ส่งผลกระทบกับนักท่องเที่ยวคนไทย ยกเลิกห้องพัก ประมาณ 40-50% ทำให้อัตราเข้าพักในเมืองภูเก็ต อยู่ที่ 30-40% อัตราเข้าพักโรงแรมชายหาด อยู่ที่ 50-60% ส่วนของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ยกเลิกห้องพักน้อยมาก ประมาณ 10% 
 
ทั้งนี้บรรยากาศท่องเที่ยวของภูเก็ตในช่วงนี้ไม่คึกคักเท่าที่ควรเนื่องจากอยู่ระหว่างรอยต่อ ระหว่างโลว์ซีซั่น อย่างไรก็ตามการจัดงานรวมพลคนรักษ์ภูเก็ต ในวันที่ 28 เม.ย.นี้ยังคงเดินหน้าจัดต่อไป เพื่อฟื้นฟูความเชื่อมั่น สร้างขวัญกำลังใจ ให้กันและกัน ส่วนกรุ๊ปทัวร์แอมเวย์จากประเทศจีนที่มีโปรแกรมเข้ามาท่องเที่ยวและสัมมนาภูเก็ตจำนวน 1.6 หมื่นคนยังคงไม่ยกเลิกโปรแกรมแต่อย่างใด โดยทะยอยเดินทางมาท่องเที่ยวภูเก็ตครั้งละ 700 คน ตั้งแต่วันที่ 15 เม.ย.-5 พ.ค.นี้คาดว่าจะส่งผลให้เงินสะพัดเมืองภูเก็ตไม่ต่ำกว่า 1 พันล้านบาท 
 
ด้าน ศาลเจ้าปุดจ้อ ศาลเจ้าจุ้ยตุ่ยเต้าโบ้เก้ง และศาลเจ้ากิ้วเที้ยนเก้ง ได้ติดป้ายประกาศ  ที่บริเวณสะพานหิน เมืองภูเก็ต โดยข้อความว่า ขอเชิญผู้ใจบุญ ชาวภูเก็ต ร่วม งานทำบุญปกป้องภัยพิบัติ และ เสริมดวงเมืองภูเก็ต ครั้งที่ 2 ประจำปี 2555 ในวันเสาร์ ที่ 5 พ.ค.นี้ เวลา 19.39น. เป็นต้นไป ที่บริเวณลานด้านหน้า ศาลเจ้ากิ้วเที้ยนเก้ง สะพานหิน ในวันดังกล่าว ซึ่งได้นิมนต์พระสงฆ์ 9 วัด เจริญพระพุทธมนต์ เจริญสมถภาวนา อธิษฐานจิต กรวดน้ำแผ่เมตตา และ เวลา 21.09 น. พิธีซ่งเก้ง หรือ สวดมนต์ จนเสร็จพิธี  ขอให้แต่งกายชุดขาวหรือ ชุดสุภาพ ร่วมพิธี โดยพร้อมเพรียงกัน 
 

วันพฤหัสบดีที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2555



ภาพประกอบ
หลังจากสมาคมข้าราชการและพนักงานจ้างท้องถิ่นได้รับเป็นหน่วยงานกลางในการรวบรวมรายชื่อข้าราชการส่วนท้องถิ่นทั่วประเทศ และประชาชนทั่วไป เพื่อเข้าชื่อเสนอร่างพ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ... ตั้งแต่เดือนธันวาคม ๒๕๕๓ จนถึงปัจจุบัน ยังคงไม่ครบ ๑๐,๐๐๐ รายชื่อ ตามกฏหมายบัญญัติ ได้เพียง ๙,๑๕๘ รายชื่อยังคงค้างอีก ๘๔๒ รายชื่อ
สรุปบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่เข้าชื่อเสนอร่างพ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ...
๑)อำนาจเจริญ  ๒๘  คน
๒)อุบลราชธานี  ๙๗  คน
๓)อุทัยธานี  ๕  คน
๔)อุตรดิตถ์  ๑๓๘  คน
๕)อุดรธานี ๔๕  คน
๖)อ่างทอง  ๑๗  คน
๗)หนองบัวลำภู  ๑๖ คน
๘)หนองคาย  ๑๒๖  คน
๙)สุรินทร์  ๖๘  คน
๑๐)สุราษฎร์ธานี  ๑๗๘  คน
๑๑)สุพรรณบุรี ๓๔  คน
๑๒)สุโขทัย  ๓๓  คน
๑๓)สิงห์บุรี  ๔๙  คน
๑๔)สระบุรี  ๒๐  คน
๑๕)สระแก้ว  ๙๕  คน
๑๖)สมุทรสาคร ๒๑  คน
๑๗)สมุทรสงคราม  ๓๑  คน
๑๘)สมุทรปราการ  ๓๓  คน
๑๙)สตูล  ๒๑  คน
๒๐)สงขลา  ๑๐๗  คน
๒๑)สกลนคร  ๑๑๓  คน
๒๒)ศรีสะเกษ  ๒๓๕  คน
๒๓)เลย  ๕๘  คน
๒๔)ลำพูน  ๑๔๗  คน
๒๕)ลำปาง  ๒๒๖  คน
๒๖)ลพบุรี  ๑๑๐  คน
๒๗)ราชบุรี  ๔๗  คน
๒๘)ระยอง  ๒๒ คน
๒๙)ระนอง  ๓๐  คน
๓๐)ร้อยเอ็ด  ๑๐๙  คน
๓๑)ยะลา  ๓๒  คน
๓๒)ยโสธร  ๑๔  คน
๓๓)แม่ฮ่องสอน  ๓๑๐  คน
๓๔)มุกดาหาร   ๑๖ คน
๓๕)มหาสารคาม  ๑๖๖  คน
๓๖)ภูเก็ต  ๓  คน
๓๗)แพร่  ๒๖๕  คน
๓๘)เพชรบุรี  ๓๖ คน
๓๙)เพชรบูรณ์  ๘๐  คน
๔๐)พิษณุโลก  ๔๕  คน
๔๑)พิจิตร  ๑๘  คน
๔๒)พัทลุง  ๔๘  คน
๔๓)พังงา   ๔ คน
๔๔)พะเยา  ๕๓๓ คน
๔๕)พระนครศรีอยุธยา  ๑๘  คน
๔๖)ปัตตานี  ๒๘  คน
๔๗)ปราจีนบุรี  ๗๖  คน
๔๘)ประจวบคีรีขันธ์  ๙๕  คน
๔๙)ปทุมธานี  ๓  คน
๕๐)บึงกาฬ  ๒  คน
๕๑)บุรีรัมย์  ๑๖๔  คน
๕๒)น่าน  ๓๐๖  คน
๕๓)นราธิวาส  ๑๔๖  คน
๕๔)นนทบุรี  ๑๘  คน
๕๕)นครสวรรค์  ๑๑๘  คน
๕๖)นครศรีธรรมราช ๑๗๔  คน
๕๗)นครราชสีมา  ๒๒๗  คน
๕๘)นครพนม  ๘๗๐  คน
๕๙)นครปฐม  ๔๗ คน
๖๐)นครนายก  ๓  คน
๖๑)ตาก  ๘๒๔  คน
๖๒)ตราด  ๑๔  คน
๖๓)ตรัง  ๒๒  คน
๖๔)เชียงใหม่  ๖๔๖  คน
๖๕)เชียงราย  ๔๓๔  คน
๖๖)ชุมพร  ๓๑  คน
๖๗)ชัยภูมิ  ๑๗๒  คน
๖๘)ชัยนาท  ๒๑  คน
๖๙)ชลบุรี  ๓๘๗  คน
๗๐)ฉะเชิงเทรา  ๒๕  คน
๗๑)จันทบุรี  ๒๑  คน
๗๒)ขอนแก่น  ๒๓๖  คน
๗๓)กำแพงเพชร  ๔๖  คน
๗๔)กาฬสินธุ์  ๑๕๐  คน
๗๕)กาญจนบุรี  ๘๒  คน
๗๖)กระบี่  ๒๕  คน
๗๗)กรุงเทพมหานคร  ๒๔  คน
รวมทั้งสิ้น  ๙,๑๕๘  คน  ยังขาดอีกประมาณ  ๘๔๒  คน
ท่านที่มีความประสงค์จะร่วมเข้าชื่อเสนอร่างพ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการส่วนท้องถิ่น หรือต้องการดำเนินการรวบรวมรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง สามารถดาวน์โหลดแบบฟอร์มได้ด้านล่างนี้
และให้ส่งแบบฟอร์มพร้อมเอกสารประกอบ ได้แก่ สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน/สำเนาบัตรข้าราชการ และสำเนาทะเบียนบ้าน (รับรองสำเนาถูกต้อง) อย่างละ ๑ ฉบับ ส่งมาที่
นายกสมาคมข้าราชการและพนักงานจ้างท้องถิ่นแห่งประเทศไทย
เลขที่ 104 หมู่ที่ 5 ตำบลหนองแฝก อำเภอสารภี  จังหวัดเชียงใหม่ 50140
หรือโทรสอบถามรายละเอียดได้ที่ 053-968139
คลิกแบบฟอร์มเข้าชื่อ ไฟล์ doc / ไฟล์ pdf
ดาวน์โหลดร่าง พ.ร.บ. ระเบียบข้าราชการส่วนท้องถิ่น พ.ศ.....
(ฉบับของสมาคมฯ)  คลิกที่นี่

  •   
ภูเก็ตตื่น! ปลาตายนับร้อย หวั่นภัยพิบัติ
ภูเก็ตตื่น! ปลาตายนับร้อย หวั่นภัยพิบัติ
ชาวภูเก็ตหวั่นภัยพิบัติ หลังปลาน้ำจืดลอยอืดตายเกลื่อนคลองน้ำกร่อยนับร้อย ประชาสัมพันธ์จังหวัด เผยแค่ปลาผิดน้ำ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (25 เม.ย.)ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 17.30 น. ที่คลองแสนสุข ถ.อ๋องซิมผ่าย ต.ตลาดใหญ่ อ.เมืองภูเก็ต ชาวบ้านนับร้อยมามุงดูเหตุการณ์ปลาน้ำจืดลอยอืดตายเกลื่อนคลองน้ำก่อยโดยไมทราบสาเหตุ โดยแต่ละตัวมีน้ำหนักถึง 1-2 กิโลกรัม ชาวบ้านบางรายเอาสวิงมาจับปลาไปขายทำรายได้เป็นกอบเป็นกำ ขณะที่ชาวบ้านที่มามุงดูบางรายก็เชื่อว่าธรรมชาติได้ออกมาเตือนการเกิดภัยพิบัติ ที่มีการทำนายว่าจะเกิดขึ้นในวันที่ 28 เม.ย.ว่าภูเก็ตจะจมทั้งเกาะ 
ด้านนายโสภณ เคี่ยมการ ผู้ช่วยประชาสัมพันธ์ จ.ภูเก็ต กล่าวว่า จากการตรวจสอบปลาน้ำจืดที่ลอยเกลื่อยในคลองน้ำกร่อยบริเวณดังกล่าว ไม่เกี่ยวกับข่าวลือหรือเป็นการเตือนภัยพิบัติ และคำทำนายในวันที่ 27 เม.ย.แต่อย่างใด สาเหตุการตายของปลาน้ำจืดเกิดจากปลาผิดน้ำเท่านั้น

วันพุธที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2555


ร้อนจัด..พันจ่าทหารเรือ ซดเหล้าจอดรถหลับเปิดแอร์เย็นฉ่ำ หัวใจวายดับคารถ
26 เมษายน 2555
 เมืองสัตหีบร้อนจัด พันจ่าเอกทหารเรือ วัย 46 สังกัดศูนย์ฝึกทหารใหม่ นั่งซดสุราต่างประเทศสังสรรค์กับเพื่อนร่วมงาน ขากลับเมาสุดขีด จอดรถหลับในตลาดสด ติดเครื่องยนต์ เปิดแอร์เย็นฉ่ำ ล็อกประตูขังตัวเองในรถ ก่อนพบเป็นศพ ตร.สันนิษฐาน ดื่มสุราท่ามกลางอากาศร้อนจัด ก่อนเข้าไปหลับในอากาศหนาวเย็น อุณหภูมิในร่างกายปรับไม่ทัน ส่งผลหัวใจล้มเหลวเฉียบพลับ        
       วันนี้ (26 เม.ย.) ร.ต.อ.เอกชัย มูลลี พนักงานสอบสวน สภ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ได้รับแจ้งมีผู้เสียชีวิตภายในรถยนต์กระบะ ยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีโก้ 4 ประตู สีดำ ทะเบียน ญภ 9387 กรุงเทพมหานคร ซึ่งจอดอยู่บริเวณลานจอดรถตลาดลานมะรีน ค่ายกรมหลวงชุมพร หน่วยบัญชาการนาวิกโยธิน ม.2 ต.สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี จึงรุดไปตรวจสอบพร้อม พ.ต.อ.ชนพัฒน์ นวลักษณ์ ผกก.สภ.สัตหีบ พ.ต.ท.ประกอบ แสงพริ้ง รอง ผกก.(ปป) และเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยมูลนิธิสว่างโรจนธรรมสถานสัตหีบ
       
       ที่เกิดเหตุพบชาวบ้านจำนวนมาก กำลังมุงดูรถคันดังกล่าว อยู่ในสภาพจอดติดเครื่องยนต์ ล็อกประตู ปิดกระจกทุกบาน เปิดแอร์ระดับสูงสุด จนมีคราบไอความเย็นเกาะทั่วบานกระจก ภายในรถพบร่างหนุ่มใหญ่ นอนแน่นิ่งอยู่บนเบาะคนขับ ในชุดเสื้อยืดคอกลมสีขาว นุ่งกางเกงยีนส์ขายาว สภาพคอตกอยู่ในร่องกลางระหว่างเบาะคู่หน้า จมูกกดทับอยู่กับเบาะ และยังพบขวดสุราต่างประเทศเหลืออยู่ครึ่งขวด วางอยู่กระบะท้าย โดยก่อนหน้าชาวบ้านได้ช่วยกันปลุก เคาะเรียก และขย่มตัวรถให้คนขับตื่น อยู่นานกว่า 2 ชั่วโมง แต่ไม่มีการตอบสนอง เจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงตัดสินใจใช้มือล้วงเข้าไปในช่องกระจกข้างคนขับ ดันกระจกให้ต่ำลงก่อนจะเอื้อมมือเข้าไปปลดล็อก และเปิดประตูรถได้สำเร็จ พบคนขับเสียชีวิตแล้วทราบชื่อคือ พันจ่าเอก พินัย สมประสงค์ อายุ 46 ปี สังกัด ศูนย์ฝึกทหารใหม่ กรมยุทธศึกษาทหารเรือ พักบ้านเลขที่ 21/32 ม.2 ต.สัตหีบ อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี
       
       สอบถามแม่ค้า และพลเมืองดีที่อยู่ในเหตุการณ์เล่าว่า ได้เห็นรถผู้ตายมาจอดนอนตั้งแต่ช่วงประมาณ 01.00 น. กระทั่งในช่วงสาย ขณะที่ชาวบ้านออกมายืนตามรายทางยังจุดที่รถผู้ตายจอด เพื่อใส่บาตรพระ แต่รถผู้ตายยังจอดขวางจึงได้ไปปลุกให้คนขับตื่นเพื่อขยับรถให้พ้นเส้นทาง แต่ไม่มีการตอบสนองอยู่นานกว่า 2 ชั่วโมง จึงคิดว่าผู้ตายคงเมาและหลับไป แต่เห็นว่านานผิดสังเกตเกรงได้รับอันตราย จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ และหน่วยกู้ภัยมาทำการช่วยเหลือ จึงพบว่าคนขับเสียชีวิตแล้ว
       
       ร.ต.อ.เอกชัย มูลลี พนักงานสอบสวน กล่าวว่า จากข้อมูลทราบว่า ผู้ตายได้ขับรถออกจากบ้านตั้งแต่ช่วงเย็นของเมื่อวานนี้ โดยบอกจะไปร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์กับเพื่อนร่วมงาน คาดว่าขากลับผู้ตายคงดื่มสุราจนเมาขับรถไม่ไหว จึงจอดหลับ และเสียชีวิตดังกล่าว ส่วนสาเหตุคาดว่า เกิดจากสภาพอากาศที่ร้อนจัดอยู่ในขณะนี้ เมื่อผู้ตายดื่มสุราเข้าไป และเข้าไปเปิดแอร์นอนในรถสภาพที่เย็นจัด ทำให้ร่างกายปรับสภาพไม่ทัน เป็นเหตุให้หัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน เบื้องต้น ได้ติดต่อต้นสังกัด และครอบครัวให้รับทราบ พร้อมดำเนินการส่งร่างผู้เสียชีวิตชันสูตรยังสถาบันนิติเวช รพ.ตำรวจ หาสาเหตุการเสียชีวิตที่แท้จริงต่อไป

รถคันนี้ผิดตรงใหน ดีหรือไม่ดีให้สังคมตัดสินเอง


สมาคมบรรเทาสาธารณภัยแห่งประเทศไทย

ช่องทางฉุกเฉินแจ้งเหตุเพลิงไหม้ เรียกศูนย์วิทยุร่มไทร ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02-2790003 ตลอด 24 ชัวโมง

ตื่นเสียงระเบิด ที่แท้ถนนคอนกรีตแตกพังยับ คาดสาเหตุอากาศร้อนจัด



ถนนคอนกรีตใน อ.ท่าปลา จ.อุตรดิตถ์ เกิดระเบิดขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ ชาวบ้านวอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยตรวจสอบหาสาเหตุ
ชาวบ้านบ้านเจริญสุข หมู่ 7 ต.หาดหล้า อ.ท่าปลา จ.อุตรดิตถ์ แตกตื่นเมื่อเสียงระเบิดขึ้นที่ถนนคอนกรีตเสริมเหล็กโดยไม่ทราบสาเหตุ โดยชาวบ้านรับรู้ได้ถึงแรงสั่นสะเทือน โดยเสียงระเบิดดังไกลกว่า 100 เมตร ถนนเส้นดังกล่าวร้าว 4 เมตร ลึก 15 เซนติเมตร จนเห็นเส้นลวดด้านใน เศษปูนกระจัดกระจายจนสร้างความหวาดกลัวให้กับชาวบ้าน เบื้องต้นต้องการให้ผู้เชี่ยวชาญเข้ามาตรวจสอบหาสาเหตุเพื่อความปลอดภัย
http://youtu.be/AVn5ht5soqQ

วันอังคารที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2555

เกิดปรากฏการณ์ไฟระอุใต้พื้นดินที่อ.นครไทย จ.พิษณุโลก


เกิดไฟระอุใต้พื้นดินที่พิษณุโลก
เจ้าหน้าที่ป้องกันและป้องกันสาธารณภัยจังหวัดพิษณุโลก และเจ้าหน้าที่สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 3 เข้าตรวจสอบบริเวณหมู่ 9 บ้านเนินตาโนน ต.หนองกะท้าว อ.นครไทย จ.พิษณุโลก จุดที่เกิดไฟระอุอยู่ใต้พื้นดินกินพื้นที่กว้าง 100 ตารางวา ริมถนนสายนครไทย-ด่านซ้าย พบซากสุนัขถูกไฟคลอกจนไหม้เกรียม และพบรอยแยกของพื้นดินความลึก 50 เซนติดเมตร ถึง 1 เมตร เมื่อนำเศษไม้และกระดาษโยนลงไปเกิดไฟลุกไหม้ทันที นอกจากนี้ ยังมีชาวบ้าน 3 คน ได้รับบาดเจ็บเนื่องจากถูกไฟลวกที่ฝ่าเท้า วัวตาย 1 ตัว รวมทั้งสุนัขและแมว
สำหรับพื้นที่แห่งนี้เคยเป็นโรงเลื่อย คาดว่าขี้เลื่อยที่ทับถมกันมานาน ประกอบกับอุณหภูมิโลกสูงขึ้น อาจทำให้เกิดการปฏิกิริยาสันดาปจากคลื่นความร้อนกระทบกับขี้เลื่อย จนเกิดประกายไฟ
ล่าสุด เจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนตำบลหนองกะท้าวได้นำเชือกมาล้อมกันพื้นที่ พร้อมเขียนป้ายห้ามเข้าเขตอันตราย และขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาพิสูจน์ถึงสาเหตุของการเกิดไฟระอุใต้พื้นดินครั้งนี้




ล่าสุด จนท.ห้ามเข้าพื้นที่ไฟระอุใต้ดินพิษณุโลกชี้อันตราย ลามเกือบครึ่งไร่แล้ว
ปรากฏการณ์แผ่นดินลุกเป็นไฟที่พิษณุโลกท่ามกลางสภาพอากาศร้อนจัดสร้างความงุนงงแก่ผู้คนจำนวนมาก แต่จากการตรวจสอบของนักธรณีพบการหมักหมมของขี้เลื่อยที่เกิดจากโรงไม้มานานหลายสิบปี ทำให้เกิดก๊าซมีเทน เมื่อมีการขุดเจาะก๊าซจึงรั่วแล้วถูกประกายไฟทำให้ลุกไหม้ คล้ายกรณีไฟไหม้ในป่าพรุ
       ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวภูมิภาคได้รายงานว่าเกิดไฟลุกไหม้ในบริเวณถนนสายบ้านแยง-นครไทย ต.หนองกะท้าว อ.นครไทย จ.พิษณุโลก จนทำให้ชาาวบ้านแตกตื่น โดยบริเวณดังกล่าวพบว่ามีควันไฟลุกจากใต้ดินตลอดเวลา เมื่อโยนเศษกระดาษหรือเศษใบไม้เข้าไปในบริเวณนั้นจะเกิดเพลิงลุกไหม้ทันที อย่างไรก็ดี นายอำเภอนครไทยได้สั่งการให้นำรถดับเพลิงเตรียมพร้อมในการฉีดสกัดไฟลุกลามและกั้นเขตไม่ให้เข้าไปในบริเวณดังกล่าว
       ทางด้านนายทินกร ทาทอง ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการธรณีพิบัติภัย กรมทรัพยากรณี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้สัมภาษณ์แก่ทีมข่าววิทยาศาสตร์ ASTV-ผู้จัดการออนไลน์ว่า จากการลงพื้นที่ตรวจสอบของเจ้าหน้าที่กรมทรัพยากรประจำ จ.ลำปาง พบว่าบริเวณดังกล่าวมีกองขี้เลื่อยซึ่งเกิดจากการทำไม้เมื่อหลายสิบปีก่อน และขี้เลื่อยเหล่านี้ได้ถูกตะกอนที่พัดพามาช่วงน้ำหลากทับถม แล้วเกิดการหมักหมมจนได้ก๊าซมีเทน เมื่อมีการพัฒนาพื้นที่และขุดเจาะเสาเข็มลงไปทำให้ก๊าซรั่วแล้วสัมผัสประกายไฟจนลุกไหม้
       จากการสำรวจและขุดเจาะของนักธรณีวิทยาพบว่าตะกอนดินดังกล่าวหน้า 20 เซนติเมตร ส่วนใต้ดินมีขี้เลื่อยหนา 1-2 เมตร และกินพื้นที่กว้าง 15-40 เมตร ซึ่งการรั่วของก๊าซมีเทนทำให้เกิดไฟไหม้อยู่ใต้ดินคล้ายกรณีไฟไหม้ในป่าพรุ และการฉีดน้ำดับไฟของเจ้าหน้าที่ก็ช่วยดับไฟได้ แต่หากปล่อยทิ้งไว้เฉยๆ เพลิงจะใช้เวลาเผาไหม้ประมาณ 1 อาทิตย์แล้วดับไป เพราะปริมาณขี้เลือยไม่ได้เยอะมาก
       ส่วนกรณีอากาศร้อนจนแผ่นดินลุกเป็นไฟนั้นนายทินกรกล่าวว่าเป็นไปไม่ได้ และหากเกิดไฟลุกไหม้ขึ้นมักเกิดจากการมีเชื้อไฟร่วมด้วย นอกจากนี้เมืองไทยยังไม่มีภูเขาไฟที่ครุกรุ่นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดแผ่นดินลุกไหม้ได้เอง