วันอังคารที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2555

เกิดปรากฏการณ์ไฟระอุใต้พื้นดินที่อ.นครไทย จ.พิษณุโลก


เกิดไฟระอุใต้พื้นดินที่พิษณุโลก
เจ้าหน้าที่ป้องกันและป้องกันสาธารณภัยจังหวัดพิษณุโลก และเจ้าหน้าที่สำนักงานสิ่งแวดล้อมภาคที่ 3 เข้าตรวจสอบบริเวณหมู่ 9 บ้านเนินตาโนน ต.หนองกะท้าว อ.นครไทย จ.พิษณุโลก จุดที่เกิดไฟระอุอยู่ใต้พื้นดินกินพื้นที่กว้าง 100 ตารางวา ริมถนนสายนครไทย-ด่านซ้าย พบซากสุนัขถูกไฟคลอกจนไหม้เกรียม และพบรอยแยกของพื้นดินความลึก 50 เซนติดเมตร ถึง 1 เมตร เมื่อนำเศษไม้และกระดาษโยนลงไปเกิดไฟลุกไหม้ทันที นอกจากนี้ ยังมีชาวบ้าน 3 คน ได้รับบาดเจ็บเนื่องจากถูกไฟลวกที่ฝ่าเท้า วัวตาย 1 ตัว รวมทั้งสุนัขและแมว
สำหรับพื้นที่แห่งนี้เคยเป็นโรงเลื่อย คาดว่าขี้เลื่อยที่ทับถมกันมานาน ประกอบกับอุณหภูมิโลกสูงขึ้น อาจทำให้เกิดการปฏิกิริยาสันดาปจากคลื่นความร้อนกระทบกับขี้เลื่อย จนเกิดประกายไฟ
ล่าสุด เจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนตำบลหนองกะท้าวได้นำเชือกมาล้อมกันพื้นที่ พร้อมเขียนป้ายห้ามเข้าเขตอันตราย และขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาพิสูจน์ถึงสาเหตุของการเกิดไฟระอุใต้พื้นดินครั้งนี้




ล่าสุด จนท.ห้ามเข้าพื้นที่ไฟระอุใต้ดินพิษณุโลกชี้อันตราย ลามเกือบครึ่งไร่แล้ว
ปรากฏการณ์แผ่นดินลุกเป็นไฟที่พิษณุโลกท่ามกลางสภาพอากาศร้อนจัดสร้างความงุนงงแก่ผู้คนจำนวนมาก แต่จากการตรวจสอบของนักธรณีพบการหมักหมมของขี้เลื่อยที่เกิดจากโรงไม้มานานหลายสิบปี ทำให้เกิดก๊าซมีเทน เมื่อมีการขุดเจาะก๊าซจึงรั่วแล้วถูกประกายไฟทำให้ลุกไหม้ คล้ายกรณีไฟไหม้ในป่าพรุ
       ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวภูมิภาคได้รายงานว่าเกิดไฟลุกไหม้ในบริเวณถนนสายบ้านแยง-นครไทย ต.หนองกะท้าว อ.นครไทย จ.พิษณุโลก จนทำให้ชาาวบ้านแตกตื่น โดยบริเวณดังกล่าวพบว่ามีควันไฟลุกจากใต้ดินตลอดเวลา เมื่อโยนเศษกระดาษหรือเศษใบไม้เข้าไปในบริเวณนั้นจะเกิดเพลิงลุกไหม้ทันที อย่างไรก็ดี นายอำเภอนครไทยได้สั่งการให้นำรถดับเพลิงเตรียมพร้อมในการฉีดสกัดไฟลุกลามและกั้นเขตไม่ให้เข้าไปในบริเวณดังกล่าว
       ทางด้านนายทินกร ทาทอง ผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการธรณีพิบัติภัย กรมทรัพยากรณี กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้สัมภาษณ์แก่ทีมข่าววิทยาศาสตร์ ASTV-ผู้จัดการออนไลน์ว่า จากการลงพื้นที่ตรวจสอบของเจ้าหน้าที่กรมทรัพยากรประจำ จ.ลำปาง พบว่าบริเวณดังกล่าวมีกองขี้เลื่อยซึ่งเกิดจากการทำไม้เมื่อหลายสิบปีก่อน และขี้เลื่อยเหล่านี้ได้ถูกตะกอนที่พัดพามาช่วงน้ำหลากทับถม แล้วเกิดการหมักหมมจนได้ก๊าซมีเทน เมื่อมีการพัฒนาพื้นที่และขุดเจาะเสาเข็มลงไปทำให้ก๊าซรั่วแล้วสัมผัสประกายไฟจนลุกไหม้
       จากการสำรวจและขุดเจาะของนักธรณีวิทยาพบว่าตะกอนดินดังกล่าวหน้า 20 เซนติเมตร ส่วนใต้ดินมีขี้เลื่อยหนา 1-2 เมตร และกินพื้นที่กว้าง 15-40 เมตร ซึ่งการรั่วของก๊าซมีเทนทำให้เกิดไฟไหม้อยู่ใต้ดินคล้ายกรณีไฟไหม้ในป่าพรุ และการฉีดน้ำดับไฟของเจ้าหน้าที่ก็ช่วยดับไฟได้ แต่หากปล่อยทิ้งไว้เฉยๆ เพลิงจะใช้เวลาเผาไหม้ประมาณ 1 อาทิตย์แล้วดับไป เพราะปริมาณขี้เลือยไม่ได้เยอะมาก
       ส่วนกรณีอากาศร้อนจนแผ่นดินลุกเป็นไฟนั้นนายทินกรกล่าวว่าเป็นไปไม่ได้ และหากเกิดไฟลุกไหม้ขึ้นมักเกิดจากการมีเชื้อไฟร่วมด้วย นอกจากนี้เมืองไทยยังไม่มีภูเขาไฟที่ครุกรุ่นจึงเป็นไปไม่ได้ที่จะเกิดแผ่นดินลุกไหม้ได้เอง




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น