วันจันทร์ที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2555


นาทีระทึก! 2สามีภรรยาขับเก๋งไปเที่ยวภูเก็ต เกิดไฟลุกท่วมระหว่างทาง หวิดย่างสด 



เมื่อเวลา 00.30 น. วันที่ 7 พฤษภาคม พ.ต.ท.พงษ์เจริญ ขันติโล สว.ทล.4 กก.2 ชุมพร ตรวจสอบเหตุเกิดอุบัติเหตุไฟไหม้รถยนต์บนถนนสายเพชรเกษมช่วง ก.ม.ที่ 482 ม.1 บ้านควนทราย ต.นากระตาม อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร จึงพร้อมประสานเทศบาลตำบลเนินสันติ อ.ท่าแซะ นำรถดับเพลิงมาดับไฟ ที่เกิดเหตุอยู่ในถนนขาล่องใต้ พบเพลิงกำลังไหม้รถยนต์ยี่ห้อฮอนด้า แอคคอร์ด ทะเบียน ฐล 9525 กรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นรถติดก๊าซ จึงปิดการจราจรทั้งขาขึ้นและขาล่องเนื่องจากเกรงความร้อนของไฟจะทำให้ถังก๊าซเกิดระเบิดขึ้นได้ ส่งผลให้การจราจรติดยาวนับกิโลเมตร และกว่ารถดับเพลิงเทศบาลเนินสันติจะมาถึงที่เกิดเหตุได้ รถยนต์คันดังกล่าวถูกไหม้เสียหายหมดทั้งคัน


นายสมโภชน์ นวลพรหม อายุ 45 ปี อยู่บ้านเลขที่ 59 ม.2 ต.นากระตาม อ.ท่าแซะ จ.ชุมพร เป็นอาสาสมัครกู้ภัยสายชล เปิดเผยว่า ขณะออกจากบ้านซึ่งอยู่ใกล้กับที่เกิดเหตุเพื่อไปเข้าเวรในการบริการประชาชน พบรถคันดังกล่าวกำลังเกิดไฟลุกไหม้อยู่บริเวณช่วงด้านหน้าของตัวรถยนต์ จึงใช้เครื่องดับเพลิงอเนกประสงค์ชนิดผงเคมีแห้ง 3 ถังเพื่อดับเพลิง แต่ระหว่างฉีดถังดับเพลิง ได้เกิดระเบิดขึ้นหนึ่งครั้งภายในรถจึงถอยออกมาและมีเสียงระเบิดขึ้นมาอีกครั้ง ทำให้ทุกคนไม่กล้าเข้าใกล้เพราะเกรงว่าอาจเกิดอันตราย จึงต้องรอรถดับเพลิงมาดับไฟ แต่กว่ารถดับเพลิงจะมาถึงรถคันดังกล่าวเสียหายหมดทั้งคันแล้ว สาเหตุเป็นเพราะรถดับเพลิงไม่สามารถวิ่งมาจุดเกิดเหตุได้สะดวก เนื่องจากจราจรติดขัดเป็นอันมาก

ด้าน นายชลิต ฐิติธานนท์ อายุ 40 ปี อยู่บ้านเลขที่ 200/9 ต.อ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร คนขับรถคันเกิดเหตุเล่าว่ากำลังพานางพัชมน ทองเหมาะ อายุ 41 ปี ภรรยา ไปเที่ยวที่ จ.ภูเก็ต ก่อนเกิดเหตุแวะเติมก๊าซที่ปั๊มใน อ.บางสะพานน้อย จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อขับมาได้ไม่ถึงชั่วโมงได้กลิ่นเหม็นไหม้ภายในห้องโดยสาร และแตรก็ดังขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ รู้สึกผิดสังเกตจึงนำรถเข้าจอดริมถนน ก่อนบอกภรรยารีบลงจากรถ จากนั้นประมาณ 3 นาที ก็เกิดไฟลุกขึ้นในห้องโดยสาร ตนและภรรยารีบวิ่งออกจากตัวรถเพราะเกรงจะได้รับอันตราย และคิดว่าสาเหตุที่รถของตนถูกไฟไหม้ในครั้งนี้อาจเกิดจากระบบไฟฟ้าภายในเกิดการขัดข้องขึ้นมา อีกทั้งรถของตนเป็นรถรุ่นเก่า เมื่อเกิดประกาย
ไฟจึงลุกลามไปติดสายส่งก๊าซ และเกิดเพลิงไหม้จนเสียหายหมดทั้งคัน แต่โชคดีที่ตนและภรรยาไม่ได้รับอันตราย


เหลือแค่ป้าย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น