วันพฤหัสบดีที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2555

พ่อค้าหัวใสเอาเปรียบผู้บริโภค นำทุเรียนอ่อนจำหน่าย


แฉเล่ห์พ่อค้าหัวใสเอาเปรียบผู้บริโภค ซื้อขาย ทุเรียนอ่อน ทำลายชาวสวนผลไม้ที่สุจริต

วันพฤหัสบดีที่ 29 มีนาคม 2555 เวลา 00:00 น.
ทุเรียน เป็นที่รู้จักกันว่าเป็น “ราชาแห่งผลไม้” ฉายานี้คาดว่าน่าจะมาจากรูปร่างที่น่ากลัว และกลิ่นที่รุนแรงของทุเรียน หรืออาจเป็นเพราะลักษณะภายนอกของผลไม้ที่เป็นหนาม คล้ายมงกุฎของราชา และเนื้อในที่มีรสชาติอร่อยที่ยากจะหาผลไม้อื่นมาเทียบ ในตำราสมุนไพรกล่าวว่า ส่วนต่าง ๆ ของทุเรียนสามารถนำมาใช้เป็นยาได้ โดยใบมีรสขม เย็นเฝื่อน มีสรรพคุณแก้ไข้ แก้ดีซ่าน ขับพยาธิและทำให้หนองแห้ง เนื้อทุเรียนมีรสหวานร้อน มีสรรพคุณให้ความร้อน ก่อให้เกิดความร้อนในร่างกาย ซึ่งอาจทำให้เหงื่อออกมากกว่าปกติและเป็นผลไม้ที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคเป็นจำนวนมาก

ทุเรียนเป็นผลไม้ที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคเป็นจำนวนมาก มีแหล่งผลิตในภาคตะวันออก และภาคใต้ ปี 2553-2554 สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ประมาณการผลผลิตทั้งประเทศ 659,078 ตัน แบ่งเป็น ภาคตะวันออก (ระยอง จันทบุรี และตราด) 332,160 ตัน ภาคใต้ 306,484 ตัน มีมูลค่าส่งออก 4,000 ล้านบาท แหล่งที่ปลูกทุเรียนมากที่สุดของประเทศอยู่ในภาคตะวันออก มีพื้นที่การเพาะปลูกในปี 2540 ทั้งหมด 364,234 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 50.42 ของพื้นที่การเพาะปลูกทุเรียนทั้งประเทศ ภาคที่ปลูกทุเรียนมากเป็นอันดับรองลงมาคือภาคใต้ มีพื้นที่เพาะปลูกรวม 320,149 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 44.31 จังหวัดที่เป็นแหล่งผลิตทุเรียนสำคัญในภาคตะวันออก ได้แก่ จันทบุรี มีพื้นที่เพาะปลูกรวม 233,694 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 32.35 ของพื้นที่เพาะปลูกรวมทั้งประเทศ จังหวัดที่เป็นแหล่งผลิตสำคัญของภาคนี้รองลงมาคือ ระยอง มีพื้นที่เพาะปลูกรวม 102,657 ไร่คิดเป็นร้อยละ 14.14 ของพื้นที่เพาะปลูกรวมทั้งประเทศ ส่วนจังหวัดที่เป็นแหล่งผลิตสำคัญของภาคใต้ ได้แก่ ชุมพร นราธิวาส และยะลา โดยมีพื้นที่เพาะปลูก 133,675 , 30,392 และ 30,287 ไร่หรือคิดเป็นร้อยละ 18.50 , 4.21 และ 4.19 ของพื้นที่เพาะปลูกรวมทั้งประเทศ ซึ่งจะเห็นได้ว่าเมื่อรวมทั้ง 2 ภาคแล้ว พื้นที่เพาะปลูกและผลผลิตทุเรียนเกือบทั้งหมดอยู่ในภาคตะวันออกและภาคใต้ และจังหวัดที่มีพื้นที่เพาะปลูกและผลผลิตที่สำคัญได้แก่ จันทบุรี ระยอง ชุมพร ยะลา และนราธิวาส ผลผลิตทุเรียนของไทยนั้นมีระยะเวลาการออกผลถึง 6 เดือนในรอบปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับพื้นที่เพาะปลูกของประเทศ สำหรับการปลูกทุเรียนของไทยมีมากใน 2 ภาค ซึ่งจะมีช่วงเวลาที่ให้ผลผลิตแตกต่างกัน โดยภาคตะวันออกจะมีผลผลิตทุเรียนออกสู่ตลาดช่วงเดือน เมษายน-กรกฎาคม และภาคใต้จะมีผลผลิตออกสู่ตลาดช่วงเดือน กรกฎาคม-กันยายน จึงเป็นข้อดีที่ทำให้ช่วงเวลาการออกสู่ตลาดของทุเรียนไทยยาวนานกว่าปกติและยังช่วยบรรเทาการที่จะล้นตลาดได้อีกด้วย

จังหวัดระยองเป็นแหล่งผลิตผลไม้ที่สำคัญแห่งหนึ่งของภาคตะวันออก มีทั้งทุเรียน เงาะ มังคุดและลองกอง ซึ่งมีผลผลิตรวมกว่า 100,000 ตัน/ปี ปลูกมากที่อำเภอแกลง อำเภอเขาชะเมา อำเภอวังจันทร์และอำเภอเมืองบางส่วน สำหรับทุเรียนมีพันธุ์ที่นิยมเป็น พันธุ์กระดุม พวงมณี ชะนี หมอนทอง ก้านยาวและพันธุ์นกกระจิบ แต่สถานการณ์ทั่วไปของผลไม้พบว่า ในช่วงเดือนเมษายน-มิถุนายน ของทุกปี ผลผลิตส่วนมากจะออกมาพร้อม ๆ กัน และเกินความต้องการของตลาด ทำให้เกิดปัญหาราคาตกต่ำอย่างรวดเร็ว อีกทั้งในปัจจุบันยังเจอปัญหาการตัด “ทุเรียนอ่อน” ซึ่งเป็นทุเรียนด้อยคุณภาพ โดยปะปนมาในรถบรรทุกทุเรียน เพื่อนำไปจำหน่ายให้กับโรงงานคัดบรรจุเพื่อส่งออกที่มีภาษาเรียกว่า “ล้ง” หรือนำไปส่งให้แม่ค้าทุเรียนจำหน่ายที่ “ตลาดไท”

นายธวัชชัย เทอดเผ่าไทย ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง เรียกประชุมคณะทำงานตรวจสอบคุณภาพทุเรียน เพื่อหาแนวทางการดำเนินงานแก้ไขปัญหาทุเรียนด้อยคุณภาพหรือ “ทุเรียนอ่อน” มีหน่วยงาน สำนักงานเกษตรจังหวัดระยอง อัยการจังหวัด ผู้แทนกองบังคับการตำรวจภูธร นายอำเภอแกลง เขาชะเมา วังจันทร์และอำเภอเมือง รับทราบปัญหา อุปสรรคและแนวทางแก้ไข โดยสรุปว่า คณะกรรมการตรวจสอบคุณภาพทุเรียน ตั้งจุดสกัดทุเรียนด้อยคุณภาพเขตรอยต่อจังหวัดจันทบุรีและในเขตพื้นที่จังหวัดระยอง ตรวจพบถ้าไม่ได้คุณภาพให้ดำเนินคดีทันที ซึ่งล่าสุดได้มีการจับกุม พ่อค้าที่จะนำทุเรียนอ่อนไปขายตลาดไทจึงได้ยึดของกลางและแจ้งความดำเนินคดี

นายศราวุธ ปิตุเตชะ ตัวแทนอัยการจังหวัดระยอง กล่าวว่า “ปัญหาการค้าทุเรียน
แบ่งได้เป็น 3 ส่วน คือส่วนของเกษตรกรผู้ปลูกทุเรียน ส่วนของพ่อค้าคนกลางหรือผู้มีอาชีพตัดทุเรียน และส่วนที่ 3 คือผู้ประกอบการค้าทุเรียนส่งออกที่เรียกว่า “ล้ง” และหากพบว่าบุคคลดังกล่าวจำหน่ายทุเรียนด้อยคุณภาพ เข้าข่ายความผิดดังนี้ (1) ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 271 ผู้ใดขายของโดยหลอกลวงด้วยประการใด ๆ ให้ผู้ซื้อหลงเชื่อในแหล่งกำเนิด สภาพ คุณภาพ หรือปริมาณแห่งของนั้นเป็นเท็จ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปีหรือปรับไม่เกินหกพันบาทหรือทั้งจำทั้งปรับหรือ (2) การกระทำผิด พ.ร.บ. คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 มาตรา 47 โดยเจตนาก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในแหล่งกำเนิด สภาพ คุณภาพ หรือสาระสำคัญ ประการอันเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการ ไม่ว่าจะเป็นของตนหรือของผู้อื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือนหรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ กรณีจับกุมผู้กระทำผิดได้จะส่งฟ้องศาลภายใน 48 ชั่วโมง สำหรับวิธีเลือกซื้อทุเรียนเพื่อบริโภค หากเป็น “ทุเรียนอ่อน” จะตรวจสอบน้ำหนักแห้งเนื้อทุเรียนด้วยเครื่องเตาอบไมโครเวฟ โดยเฉลี่ย พันธุ์กระดุม น้ำหนักแห้ง 28% แป้ง พันธุ์ชะนี น้ำหนักแห้ง 30% แป้ง พันธุ์หมอนทอง น้ำหนักแห้ง 32% แป้ง ถ้าเปอร์เซ็นต์ต่ำกว่านี้ถือว่าเป็นทุเรียนด้อยคุณภาพ

ปัจจุบันมีแม่ค้าขายทุเรียนจำนวนไม่น้อยที่เอาเปรียบผู้บริโภค โดยการเอาทุเรียนที่แก่ไม่จัดมาขาย และยังใช้น้ำยาเร่งให้สุก เพื่อนำทุเรียนออกมาขายก่อนให้ได้กำไรเพิ่มมากขึ้น ทุเรียนที่ใช้น้ำยาเร่งสุกเมื่อผู้บริโภครับประทาน จะเกิดอาการปวดท้อง อาหารเป็นพิษได้ ดังนั้นวิธีเลือกซื้อทุเรียนแบบง่าย ๆ คือ สังเกตเบื้องต้นว่ามีการทาน้ำยาเร่งสุกหรือไม่ โดยดูจากการตัดที่ขั้วทุเรียน ปกติการตัดทุเรียนลงจากต้น คนตัดทุเรียนจะตัดติดขั้วยาวและส่วนใหญ่ทำมุม 45 องศา และก่อนจะทายาเร่งสุกที่ขั้วทุเรียน จะตัดจนสั้นให้ใกล้ปลิงมากที่สุด (ลักษณะของขั้วตัดตรงขนานกับพื้น) การทายาเร่งสุก ไส้ทุเรียนจะร้อนทำให้เนื้อนิ่มเร็วขึ้นทั้ง ๆ ที่ทุเรียนยังไม่แก่ เพราะยาใช้เร่งสุกเป็นยาอันตราย (ยาทาหน้ายางเพื่อเร่งน้ำยาง) ดังนั้น ซื้อทุเรียนทุกครั้งต่อไปลองสังเกตดูว่า “ขั้วทุเรียนสั้นหรือยาว”.
โนชญ์ ชาญด้วยกิจ

แฉเล่ห์พ่อค้าหัวใสเอาเปรียบผู้บริโภค ซื้อขาย ทุเรียนอ่อน ทำลายชาวสวนผลไม้ที่สุจริต

วันพฤหัสบดีที่ 29 มีนาคม 2555 เวลา 00:00 น.
ทุเรียน เป็นที่รู้จักกันว่าเป็น “ราชาแห่งผลไม้” ฉายานี้คาดว่าน่าจะมาจากรูปร่างที่น่ากลัว และกลิ่นที่รุนแรงของทุเรียน หรืออาจเป็นเพราะลักษณะภายนอกของผลไม้ที่เป็นหนาม คล้ายมงกุฎของราชา และเนื้อในที่มีรสชาติอร่อยที่ยากจะหาผลไม้อื่นมาเทียบ ในตำราสมุนไพรกล่าวว่า ส่วนต่าง ๆ ของทุเรียนสามารถนำมาใช้เป็นยาได้ โดยใบมีรสขม เย็นเฝื่อน มีสรรพคุณแก้ไข้ แก้ดีซ่าน ขับพยาธิและทำให้หนองแห้ง เนื้อทุเรียนมีรสหวานร้อน มีสรรพคุณให้ความร้อน ก่อให้เกิดความร้อนในร่างกาย ซึ่งอาจทำให้เหงื่อออกมากกว่าปกติและเป็นผลไม้ที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคเป็นจำนวนมาก

ทุเรียนเป็นผลไม้ที่ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคเป็นจำนวนมาก มีแหล่งผลิตในภาคตะวันออก และภาคใต้ ปี 2553-2554 สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร ประมาณการผลผลิตทั้งประเทศ 659,078 ตัน แบ่งเป็น ภาคตะวันออก (ระยอง จันทบุรี และตราด) 332,160 ตัน ภาคใต้ 306,484 ตัน มีมูลค่าส่งออก 4,000 ล้านบาท แหล่งที่ปลูกทุเรียนมากที่สุดของประเทศอยู่ในภาคตะวันออก มีพื้นที่การเพาะปลูกในปี 2540 ทั้งหมด 364,234 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 50.42 ของพื้นที่การเพาะปลูกทุเรียนทั้งประเทศ ภาคที่ปลูกทุเรียนมากเป็นอันดับรองลงมาคือภาคใต้ มีพื้นที่เพาะปลูกรวม 320,149 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 44.31 จังหวัดที่เป็นแหล่งผลิตทุเรียนสำคัญในภาคตะวันออก ได้แก่ จันทบุรี มีพื้นที่เพาะปลูกรวม 233,694 ไร่ คิดเป็นร้อยละ 32.35 ของพื้นที่เพาะปลูกรวมทั้งประเทศ จังหวัดที่เป็นแหล่งผลิตสำคัญของภาคนี้รองลงมาคือ ระยอง มีพื้นที่เพาะปลูกรวม 102,657 ไร่คิดเป็นร้อยละ 14.14 ของพื้นที่เพาะปลูกรวมทั้งประเทศ ส่วนจังหวัดที่เป็นแหล่งผลิตสำคัญของภาคใต้ ได้แก่ ชุมพร นราธิวาส และยะลา โดยมีพื้นที่เพาะปลูก 133,675 , 30,392 และ 30,287 ไร่หรือคิดเป็นร้อยละ 18.50 , 4.21 และ 4.19 ของพื้นที่เพาะปลูกรวมทั้งประเทศ ซึ่งจะเห็นได้ว่าเมื่อรวมทั้ง 2 ภาคแล้ว พื้นที่เพาะปลูกและผลผลิตทุเรียนเกือบทั้งหมดอยู่ในภาคตะวันออกและภาคใต้ และจังหวัดที่มีพื้นที่เพาะปลูกและผลผลิตที่สำคัญได้แก่ จันทบุรี ระยอง ชุมพร ยะลา และนราธิวาส ผลผลิตทุเรียนของไทยนั้นมีระยะเวลาการออกผลถึง 6 เดือนในรอบปี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับพื้นที่เพาะปลูกของประเทศ สำหรับการปลูกทุเรียนของไทยมีมากใน 2 ภาค ซึ่งจะมีช่วงเวลาที่ให้ผลผลิตแตกต่างกัน โดยภาคตะวันออกจะมีผลผลิตทุเรียนออกสู่ตลาดช่วงเดือน เมษายน-กรกฎาคม และภาคใต้จะมีผลผลิตออกสู่ตลาดช่วงเดือน กรกฎาคม-กันยายน จึงเป็นข้อดีที่ทำให้ช่วงเวลาการออกสู่ตลาดของทุเรียนไทยยาวนานกว่าปกติและยังช่วยบรรเทาการที่จะล้นตลาดได้อีกด้วย

จังหวัดระยองเป็นแหล่งผลิตผลไม้ที่สำคัญแห่งหนึ่งของภาคตะวันออก มีทั้งทุเรียน เงาะ มังคุดและลองกอง ซึ่งมีผลผลิตรวมกว่า 100,000 ตัน/ปี ปลูกมากที่อำเภอแกลง อำเภอเขาชะเมา อำเภอวังจันทร์และอำเภอเมืองบางส่วน สำหรับทุเรียนมีพันธุ์ที่นิยมเป็น พันธุ์กระดุม พวงมณี ชะนี หมอนทอง ก้านยาวและพันธุ์นกกระจิบ แต่สถานการณ์ทั่วไปของผลไม้พบว่า ในช่วงเดือนเมษายน-มิถุนายน ของทุกปี ผลผลิตส่วนมากจะออกมาพร้อม ๆ กัน และเกินความต้องการของตลาด ทำให้เกิดปัญหาราคาตกต่ำอย่างรวดเร็ว อีกทั้งในปัจจุบันยังเจอปัญหาการตัด “ทุเรียนอ่อน” ซึ่งเป็นทุเรียนด้อยคุณภาพ โดยปะปนมาในรถบรรทุกทุเรียน เพื่อนำไปจำหน่ายให้กับโรงงานคัดบรรจุเพื่อส่งออกที่มีภาษาเรียกว่า “ล้ง” หรือนำไปส่งให้แม่ค้าทุเรียนจำหน่ายที่ “ตลาดไท”

นายธวัชชัย เทอดเผ่าไทย ผู้ว่าราชการจังหวัดระยอง เรียกประชุมคณะทำงานตรวจสอบคุณภาพทุเรียน เพื่อหาแนวทางการดำเนินงานแก้ไขปัญหาทุเรียนด้อยคุณภาพหรือ “ทุเรียนอ่อน” มีหน่วยงาน สำนักงานเกษตรจังหวัดระยอง อัยการจังหวัด ผู้แทนกองบังคับการตำรวจภูธร นายอำเภอแกลง เขาชะเมา วังจันทร์และอำเภอเมือง รับทราบปัญหา อุปสรรคและแนวทางแก้ไข โดยสรุปว่า คณะกรรมการตรวจสอบคุณภาพทุเรียน ตั้งจุดสกัดทุเรียนด้อยคุณภาพเขตรอยต่อจังหวัดจันทบุรีและในเขตพื้นที่จังหวัดระยอง ตรวจพบถ้าไม่ได้คุณภาพให้ดำเนินคดีทันที ซึ่งล่าสุดได้มีการจับกุม พ่อค้าที่จะนำทุเรียนอ่อนไปขายตลาดไทจึงได้ยึดของกลางและแจ้งความดำเนินคดี

นายศราวุธ ปิตุเตชะ ตัวแทนอัยการจังหวัดระยอง กล่าวว่า “ปัญหาการค้าทุเรียน
แบ่งได้เป็น 3 ส่วน คือส่วนของเกษตรกรผู้ปลูกทุเรียน ส่วนของพ่อค้าคนกลางหรือผู้มีอาชีพตัดทุเรียน และส่วนที่ 3 คือผู้ประกอบการค้าทุเรียนส่งออกที่เรียกว่า “ล้ง” และหากพบว่าบุคคลดังกล่าวจำหน่ายทุเรียนด้อยคุณภาพ เข้าข่ายความผิดดังนี้ (1) ความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 271 ผู้ใดขายของโดยหลอกลวงด้วยประการใด ๆ ให้ผู้ซื้อหลงเชื่อในแหล่งกำเนิด สภาพ คุณภาพ หรือปริมาณแห่งของนั้นเป็นเท็จ ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินสามปีหรือปรับไม่เกินหกพันบาทหรือทั้งจำทั้งปรับหรือ (2) การกระทำผิด พ.ร.บ. คุ้มครองผู้บริโภค พ.ศ. 2522 มาตรา 47 โดยเจตนาก่อให้เกิดความเข้าใจผิดในแหล่งกำเนิด สภาพ คุณภาพ หรือสาระสำคัญ ประการอันเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการ ไม่ว่าจะเป็นของตนหรือของผู้อื่น ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกินหกเดือนหรือปรับไม่เกินห้าหมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ กรณีจับกุมผู้กระทำผิดได้จะส่งฟ้องศาลภายใน 48 ชั่วโมง สำหรับวิธีเลือกซื้อทุเรียนเพื่อบริโภค หากเป็น “ทุเรียนอ่อน” จะตรวจสอบน้ำหนักแห้งเนื้อทุเรียนด้วยเครื่องเตาอบไมโครเวฟ โดยเฉลี่ย พันธุ์กระดุม น้ำหนักแห้ง 28% แป้ง พันธุ์ชะนี น้ำหนักแห้ง 30% แป้ง พันธุ์หมอนทอง น้ำหนักแห้ง 32% แป้ง ถ้าเปอร์เซ็นต์ต่ำกว่านี้ถือว่าเป็นทุเรียนด้อยคุณภาพ

ปัจจุบันมีแม่ค้าขายทุเรียนจำนวนไม่น้อยที่เอาเปรียบผู้บริโภค โดยการเอาทุเรียนที่แก่ไม่จัดมาขาย และยังใช้น้ำยาเร่งให้สุก เพื่อนำทุเรียนออกมาขายก่อนให้ได้กำไรเพิ่มมากขึ้น ทุเรียนที่ใช้น้ำยาเร่งสุกเมื่อผู้บริโภครับประทาน จะเกิดอาการปวดท้อง อาหารเป็นพิษได้ ดังนั้นวิธีเลือกซื้อทุเรียนแบบง่าย ๆ คือ สังเกตเบื้องต้นว่ามีการทาน้ำยาเร่งสุกหรือไม่ โดยดูจากการตัดที่ขั้วทุเรียน ปกติการตัดทุเรียนลงจากต้น คนตัดทุเรียนจะตัดติดขั้วยาวและส่วนใหญ่ทำมุม 45 องศา และก่อนจะทายาเร่งสุกที่ขั้วทุเรียน จะตัดจนสั้นให้ใกล้ปลิงมากที่สุด (ลักษณะของขั้วตัดตรงขนานกับพื้น) การทายาเร่งสุก ไส้ทุเรียนจะร้อนทำให้เนื้อนิ่มเร็วขึ้นทั้ง ๆ ที่ทุเรียนยังไม่แก่ เพราะยาใช้เร่งสุกเป็นยาอันตราย (ยาทาหน้ายางเพื่อเร่งน้ำยาง) ดังนั้น ซื้อทุเรียนทุกครั้งต่อไปลองสังเกตดูว่า “ขั้วทุเรียนสั้นหรือยาว”.
โนชญ์ ชาญด้วยกิจ

วันพุธที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2555

ไฟไหม้มินิคูเปอร์

 ไฟไหม้มินิคูเปอร์ เลยจากทางแยกพระราม9-ยมราช มาทางพระราม 9 ประมาณ 100 เมตร 

ไฟไหม้สถานีรถไฟบ้านแก้ง อายุกว่า 100 ปี วอดทั้งหลัง


สระแก้ว 28 มี.ค.- เมื่อเวลา 07.30 น. พ .ต.ท.หอมลออ สุวรรณชัย พนักงานสอบสวน สภ.เขาสิงโต ต.บ้านแก้ง อ.เมือง จ.สระแก้ว รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้สถานีรถไฟ ผู้โดยสารบ้านแก้ง ต.บ้านแก้ง หมู่ 2 กลางชุมชนตลาดเก่า
รุดไปที่เกิดเหตุพร้อมประสานขอสนับสนุนรถน้ำดับเพลิงจาก อบต.บ้านแก้ง เทศบาลศาลาลำดวน และเทศบาลเมืองสระแก้ว รุดไปยังที่เกิดเหตุ พบอาคารสถานีผู้โดยสารถูกเพลิงไหม้ลุกลามไปทั้งหลังไฟเนื่องจากเป็นอาคารไม้เก่า โดยเจ้าหน้าที่ดับเพลิงได้ระดมรถน้ำฉีดสกัดไฟนานกว่า 1 ชั้วโมงเพลิงได้สงบ
เมื่อสอบสวนนายณัฐกิตต์ แก้วสองเมือง อายุ 35 ปี นายสถานีรถไฟบ้านแก้ง ให้การว่าขณะเกิดเหตุตนได้อยู่ในบ้านพัก มีผู้โดยสารรอซื้อตั๋ว 2-3 คน ไฟได้ลุกไหม้บริเวณขื่อหลังคาอาคารขายตั๋ว จึงได้วิ่งเอาน้ำมาสาดและตะโกนขอให้ชาวบ้านใกล้เคียงมาช่วย แต่ไฟก็ลุกไหม้รุนแรงรวดเร็วมาก ทั้งนี้ตนเองพึ่งย้ายมาประจำการไม่กี่เดือนไม่มีเหตุขัดแย้งกับใคร
ด้าน นางวิจิตรา ศรีนพคุณ อายุ 49 ปี อาชีพค้าขาย บ้านอยู่ใกล้ฝั่งตรงข้ามสถานีรถไฟบ้านแก้ง กล่าวว่า ขณะตนรดน้ำต้นไม้ที่บ้านเป็นคนพบเห็นไฟลุกคนแรกที่ด้านบนหลังคา ไม่มีควัน ไฟไหม้เร็วมาก จึงได้เรียกชาวบ้านมาช่วยกันดับไฟแต่ไม่ทันเพราะเป็นไม้เก่า อาคารดังกล่าวมีอายุนานนับร้อยปีชาวชุนชนที่นี่เกิดมาก็เห็น แต่ก่อนเป็นชุมชนหนาแน่นมีชาวจีนมาตั้งเป็นตลาดสด เสียดายมากเพราะเป็นของเก่าแก่แต่ยังใช้งานได้ดี มีผู้โดยสารมาใช้บริการช่วงเช้า23-30คนทุกวันตลอดมา
จากการสอบสวนพนักงานสอบสวนรอวิทยาการตำรวจ มาตรวจสอบที่เกิดเหตุ เบื้องต้นคาดว้าสาเหตุมาจากไฟฟ้าลัดวงจร เนื่องจากตอนเกิดเหตุเป็นช่วงเช้าสว่าง ไม่น่ามาจากการวางเพลิงหรือสาเหตุอื่น
วันที่โพสต์ : 28 มีนาคม 2555

วันอังคารที่ 27 มีนาคม พ.ศ. 2555

โรงงานผลิตพลุและดอกไม้ไฟระเบิดที่แก่งคอย


27-03-2012 | 20:12 l ชมทั้งหมด 11

เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นช่วงเย็นที่ผ่านมา ระหว่างที่คนงานทำงานอยู่ในโรงงานผลิตพลุ และดอกไม้ไฟ ซึ่งตั้งอยู่กลางทุ่งนาบนเนื้อที่กว่า 10 ไร่ ในหมู่บ้านห้วยแฮ่ง หมู่ 8 ตำบลห้วยแฮ่ง อำเภอแก่งคอย จังหวัดสระบุรี และได้เกิดพลุระเบิดขึ้นภายในโรงงานผลิต ทำให้คนงาน ต่างพากันวิ่งหนีเอาตัวรอดกันอย่างอลหม่าน ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีรายงานผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต

จากนั้นไม่นาน สะเก็ดไฟจากพลุระเบิด ได้กระเด็นไปถูกพลุ และดอกไม้ไฟที่เก็บไว้ในโรงงาน และเกิดระเบิดต่อเนื่อง จนมีเปลวเพลิงเกิดขึ้น และลุกลามไปยังโกดังเก็บพลุ และดอกไม้ที่อยู่ติดกันอีกหลายโกดัง ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ระดมกำลัง และรถดับเพลิงเข้าฉีดน้ำดับเพลิง และฉีดน้ำเลี้ยงโกดังที่ยังมีพลุเก็บไว้

ส่วนบ้านชาวบ้านที่อยู่ติดกับโรงงานผลิตพลุ คาดว่า น่าจะได้รับผลกระทบจากแรงระเบิดครั้งนี้ แต่เจ้าหน้าที่ ยังไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบได้ส่วนสาเหตุเบื้องต้น เจ้าหน้าที่ คาดน่าจะเกิดจากสภาพอากาศที่ร้อนจัด จนทำให้ดินระเบิดเกิดประกายไฟขึ้น 

ด่วน!กระบะยางแตกบนโทลล์เวย์คนร่วงดับ1

กระบะวีโก้ ยางระเบิดบนทางด่วนโทลล์เวย์ หนุ่มใหญ่วัย 43 ร่วงตกลงมาดับ ด้านตำรวจเผยห้ามกระบะไม่มีหลังคาขึ้นทางด่วน

          เมื่อเวลา 10.45 น. วันที่ 27 มีนาคม 2555 พ.ต.ท.สมคิด ศรีนาเมือง พนักงานสอบสวน (สบ2) สน.วิภาวดี ได้รับแจ้งเหตุรถกระบะ ประสบอุบัติเหตุชนขอบทางโทลล์เวย์ขาเข้า  เป็นเหตุให้ผู้โดยสารที่นั่งท้ายกระบะ ร่วงตกลงมายังถนนวิภาวดี ด้านล่างเสียชีวิตคาที่ เหตุเกิดบริเวณก่อนถึง บ.การบินไทย จำกัด(มหาชน) สำนักงานใหญ่ประมาณ 100 เมตร หลังรับแจ้งจึงเดินทางไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กู้ภัยมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
           ทั้งนี้ ที่เกิดเหตุพบศพ นายสายหยุด ผาสุก อายุประมาณ 43 ปี อยู่บ้านเลขที่ 103 หมู่2 ต.คชสิทธิ์ อ.หนองแค จ.สระบุรี สภาพศพสวมเสื้อยืดสีน้ำตาล กางเกงยีน ตามร่างกายมีบาดแผลถลอกทั่วร่าง ศีรษะแตกเสียชีวิตคาที่อยู่บริเวณขอบปูนช่องทางด่วน ถ.วิภาวดี ใกล้กันพบหลังคากระบะแครี่บอย ร่วงลงมาด้วยกันจนพังยับเยิน เศษกระจกแตกกระจายไปทั่วบริเวณ นอกจากนี้ ยังมีเบาะที่นั่งด้านหลัง อุปกรณ์ติดตั้งแก๊สเอ็นจีวี ที่ตกลงมาเกลื่อนถนน ส่วนด้านบนทางด่วนโทลล์เวย์ พบรถกระบะ ยี่ห้อ โตโยต้า ไฮลักซ์วีโก้ สีขาว ทะเบียน อว 9428 กทม. สภาพพังยับเยิน ยางล้อหลังด้านขวาแตก มีผู้ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย 2 คนทราบชื่อต่อมาคือ นายสุภจิต สายมายา อายุ 43 ปี เป็นผู้ขับขี่รถคันดังกล่าว และนายสุเมธ นามหมื่นจัด อายุ 40 ปี ที่นั่งด้านหน้าคู่คนขับ
           จากการสอบสวน นายสุภจิต ทราบว่า ทั้ง 3 คนเป็นช่างของ บ.สามเรือน จำกัดที่รับติดตั้งแก๊สเอ็นจีวี ขับรถมาจาก อ.หนองแค จ.สระบุรี เพื่อเดินทางมายัง กทม.2 ที่ดินแดง เพื่อติดตั้งแก๊สเอ็นจีวีรถน้ำ กทม.จำนวน 10 คัน โดยขึ้นทางด่วนโทลเวย์มาจากบริเวณด่านหน้าโรงกษาปณ์ เพื่อที่จะมาลงดินแดง โดยขับรถมาด้วยความเร็วสูง และเมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุยางล้อหลังด้านขวา ได้เกิดระเบิดเสียงดังสนั่น จนทำให้รถเสียหลักไปชนขอบทางด้านบนโทลล์เวย์ จนหลังคากระบะด้านหลังกระเด็นหลุดออกมา เป็นเหตุให้ นายสายหยุด ที่นั่งด้านหลังกระบะท้ายกระเด็นตกลงมาบนถนนวิภาวดี เสียชีวิตคาที่ดังกล่าว
           ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่เกิดเหตุดังกล่าว เจ้าหน้าที่ต้องปิดการจราจรช่องทางด่วนถนนวิภาวดีฝั่งขาเข้า เพื่อให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการตรวจสอบสภาพศพผู้เสียชีวิต จนทำให้การจราจรช่วงบริเวณดังกล่าวติดขัดอย่างหนัก ประกอบกับช่องคู่ขนาน มีประชาชนชะลอดูที่เกิดเหตุ จึงทำให้การจราจรติดขัดเพิ่มขึ้นไปอีก
          ขณะเดียวกัน ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุได้จอดรถจักรยานยนต์ อยู่ริมถนนวิภาวดี จังหวะดังกล่าวได้ยินเสียงคล้ายระเบิด ก่อนจะเห็นหลังคาแครี่บอยสีขาวลอยลงมาจากทางด่วนโทลล์เวย์ และเห็นมีคนเกาะหลังคาดังกล่าวลงมาด้วย ก่อนจะตกกระแทกพื้นถนนวิภาวดี ช่องทางด่วนเสียชีวิตคาที่      

ตำรวจเผยห้ามกระบะไม่มีหลังคาขึ้นทางด่วน
          พ.ต.ท.พิทักษ์ นิยมพฤกษ์ รอง ผกก.งานศูนย์ควบคุมจราจรวิภาวดีรังสิต ทางพิเศษ กก.2 บก.จร. กล่าวว่า กรณีที่รถกระบะประสบอุบัติเหตุยางระเบิด จนทำให้พุ่งชนกับขอบปูนของการทางพิเศษ และมีผู้โดยสารที่นั่งอยู่ด้านหลังของรถ ตกลงมาจากทางด่วนโทลเวย์เสียชีวิตนั้น จากการสอบสวนในเบื้องต้นพบว่า รถคันที่เกิดเหตุได้ปฎิบัติตามกฏระเบียบในการขึ้นทางด่วนทุกประการ เนื่องจากมีหลังคาคลุมกระบะด้านท้ายอย่างถูกต้อง ดังนั้น ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้อนุญาติให้ผ่านขึ้นทางด่วนไปได้
           อย่างไรก็ตาม ขณะที่รถกระบะคันที่ประสบเหตุ วิ่งมาถึงจุดเกิดเหตุ ล้อด้านหลังได้เกิดระเบิดขึ้น ทำให้รถที่วิ่งมาด้วยความเร็ว เกิดการเสียหลัก พุ่งชนกับขอบทางของทางด่วน แต่เนื่องจากรถที่วิ่งมาด้วยความเร็ว บวกกับแรงกระแทรกอย่างรุนแรง จึงอาจทำให้หลังคาที่อยู่ด้านท้ายหลุดออกมา และทำให้ผู้ที่นั่งอยู่ด้านหลังกระเด็นออกมาจากกระบะท้าย และตกลงมาจากทางด่วน จนทำให้เสียชีวิต
           "เรื่องกฏระเบียบ หรือข้อปฎิบัติของรถกระบะ ที่จะต้องขึ้นทางด่วนนั้น ตามปกติแล้ว ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ดูแลงานจราจรบนทางด่วน ก็ได้ควบคุมและเข้มงวดในเรื่องนี้อยู่ตลอดเวลา ซึ่งหากพบว่ารถกระบะคันใดไม่มีหลังคา ตามที่กฏระเบียบระบุไว้ ก็จะไม่ให้ใช้ทางด่วนโดยเด็ดขาด" พ.ต.ท.พิทักษ์ กล่าว     

เกิดเหตุไฟไหม้รถตู้ของหมอลำดังกลางสี่แยกไฟแดงจังหวัดร้อยเอ็ด


เกิดเหตุไฟไหม้รถตู้ของหมอลำดังกลางสี่แยกไฟแดงจังหวัดร้อยเอ็ด คนขับรถกระโดดหนีตาย ลืมเพื่อนครูหมอลำอีสานชื่อดังวัย 65 ปี ติดอยู่ในรถ หวิดสิ้นชื่อ

เกิดขึ้นเมื่อเวลา 13.00 น. วันนี้ ( 27 มี.ค.) พ.ต.ท.รุ่งเรือง สลับศรี พงส.(สบ.3) สภ.เมืองร้อยเอ็ด รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้รถยนต์ตู้สีบรอนซ์เงิน ทะเบียน นข-582 ร้อยเอ็ด มีควันพวยพุ่งออกจากรถจำนวนมาก ที่สี่แยกไฟแดงถนนรณชัยชาญยุทธ-ปัทมานนท์ เจ้าของรถวิ่งหนีตายออกจากรถมาได้ แต่เพื่อนอีกคนยังติดอยู่ในรถ จึงรุดไปยังที่เกิดเหตุพร้อมขอรถดับเพลิงจากเทศบาลเมืองร้อยเอ็ดและหน่วยกู้ภัยให้ช่วยด่วน
พบเจ้าของรถซึ่งเป็นคนขับวิ่งหนีออกจากรถด้วยความตื่นตระหนก จนลืมเพื่อนที่ติดอยู่ในรถที่นั่งมาด้วย ทราบชื่อภายหลังว่า นางรัญจวน ดวงเด่น อายุ 65 ปี เป็นหมอลำชื่อดังภาคอีสาน และเป็นครูผู้เชี่ยวชาญสอนวิชาหมอลำที่วิทยาลัยนาฏศิลป์ร้อยเอ็ด บอกว่า ขณะขับรถมากับเพื่อนเพื่อจะไปโรงพยาบาลร้อยเอ็ด-ธนบุรี มาถึงสี่แยกติดไฟแดงจู่ๆ ก็เกิดควันพุ่งออกจากตัวเครื่องรถยนต์จนมองแทบไม่เห็นอะไร คิดว่าไฟไหม้แน่จึงเปิดประตูวิ่งหนีออกจากรถ โดยไม่ได้เรียกเพื่อนที่นั่งมาด้วยซึ่งตกใจทำอะไรไม่ถูก จนชาวบ้านตะโกนเรียกให้ลงจากรถจึงหนีออกมาได้หวิดย่างสด ท่ามกลางไทยมุงและรถติดจำนวนมาก ควันที่ขึ้นโขมงสูงกว่า 10 เมตรค่อยๆจางลงในเวลาประมาณ 15 นาที ท่ามกลางไทยมุงที่คิดว่าไฟจะไหม้หมดทั้งคันแน่ แต่ไม่มีอะไรเกิดขึ้น เจ้าหน้าที่กู้ภัยเข้าไปตรวจสอบพบสาเหตุควันโขมง ต้นเหตุจากหม้อน้ำแห้ง





วันอังคาร ที่ 27 มีนาคม พ.ศ.2555  

วันอาทิตย์ที่ 25 มีนาคม พ.ศ. 2555

เรือกู้ชีพ สธ.จมในแม่น้ำป่าสัก กรุงเก่า


เรือกู้ชีพ สธ.จมในแม่น้ำป่าสัก กรุงเก่า










เรือกู้ชีพ สธ.จมในแม่น้ำป่าสัก กรุงเก่า

อยุธยา 25 มีค.- เรือกู้ชีพ”สธ.ลันตา”จากกระบี่ ช่วยภารกิจน้ำท่วมเมืองกรุงเก่า จอดอยู่ดีๆน้ำลดลงตอไม้แทงทะลุท้องเรือจมน้ำครึ่งลำ อุปกรณ์ทางการแพทย์เสียหาย ยังกู้ไม่ได้
เมื่อเวลา 22.00 น.วันที่ 25 มี.ค. นาวาโท รชต ผกาฟุ้ง ผอ.สำนักงานเจ้าท่าพระนครศรีอยุธยา รับแจ้งจาก นพ.สมพงษ์ บุญสืบชาติ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ว่ามีเรือกู้ชีพของสาธารณสุขจมลงในแม่น้ำป่าสัก บริเวณหน้าศาลาท่าน้ำหน้าสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ต.หอรัตนไชย อ.พระนครศรีอยุธยา จึงพร้อม นพ.สมชัย วิโรจน์แสงอรุณ รอง สสจ.พระนครศรีอยุธยา และเจ้าหน้าที่สำนักงานเจ้าท่านำเรือเร็ว ออกไปตรวจสอบบริเวณที่รับแจ้งทันที
พบว่าที่ด้านหน้าศาลาท่าน้ำหน้าสำนักงานสาธารณสุข มีเรือสปีดโบสท์ขนาดใหญ่ยาวประมาณ 18 ฟุต ท้องลึกเกือบ 2 เมตรกว่ากว่า 2 เมตร ด้านท้ายเรือมีเครื่องยนต์ขนาด 200 แรงม้าจำนวน 2 เครื่องจมลงไปในน้ำเกือบครึ่งลำเรือ น้ำท่วมเข้าไปในตัวเรือทำให้อุปกรณ์ภายในเรือที่ส่วนใหญ่เป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์ได้รับความเสียหาย และพบว่าที่ท้องเรือด้านขวาถูกตอลักษณะเป็นเสาไม้สะพานแทงทะลุเข้าไปในเรือยาวประมาณ 1 เมตร จึงได้ช่วยกันใช้เชือกผูกรั้งตัวเรือเอาไว้กับศาลาท่าน้ำ
นาวาโท รชต เปิดเผยว่าเบื้องต้นได้แนะนำให้นำอุปกรณ์ที่สำคัญออกจากเรือแล้ว ซึ่งขณะนี้เรือถูกตอไม้แทงทะลุอยู่ได้เนื่องจากใช้เชือกรั้งเอาไว้กับศาลาและส่วนหนึ่งระดับน้ำขึ้นมาอุ้มเอาไว้ จึงต้องใช้เครื่องสูบน้ำสูบน้ำออกตลอดทั้งคืน จากนั้นตอนเช้าจึงจะทำการกู้ เนื่องจากช่วงที่เกิดเหตุไม่สามารถหาอุปกรณ์หรือเรือมาช่วยเหลือได้ ส่วนสาเหตุที่เรือจมนั้น เนื่องจากทางเจ้าหน้าที่ของสาธารณสุข ได้ย้ายเรือดังกล่าวออกมาจอดที่หน้าท่าน้ำ โดยไม่ทราบว่าด้านใต้มีตอไม้ซึ่งเป็นเสาสะพานเดิม เป็นช่วงที่น้ำเกิดลดลงอย่างมาก ทำให้ท้องเรือถูกเสาสะพานที่จมอยู่ในน้ำแทงจนทะลุ และท้ายเรือจมลงดังกล่าว ซึ่งจะต้องใช้เวลาในการกู้ช่วงเช้าจะปลอดภัยที่สุด
นพ.สมพงษ์ กล่าวว่า เรือลำนี้มีราคากว่า 3 ล้านบาท ภายในมีห้องนอนผู้ป่วย และอุปกรณ์ช่วยชีวิต มีระบบเครื่องปรับอากาศ และจีพีเอส ปกติจะใช้ขนย้ายผู้ป่วยอยู่ที่ภาคใต้ ในช่วงน้ำท่วมจังหวัดพระนครศรีอยุธยา นายวิทยา บุรณศิริ รมต.สาธารณสุข ได้ขอยืมมาจากจ.กระบี่ เพื่อมาช่วยเหลือในการลำเลียงผู้ป่วย จนน้ำลดแล้วยังไม่ได้นำกลับไป ปกติ มีนายสง่า ไวยไชยา อายุ 48 ปี เป็นผู้ดูแล ก่อนเกิดเหตุได้เคลื่อนย้ายเรือจากด้านริมรั้วหน้าสำนักงานมาอยู่หน้าศาลาท่าน้ำ เนื่องจากระดับน้ำลดลงเรื่อยๆ จนกระทั่งน้ำลดในช่วงบ่ายทำให้เรือลงไปกระแทกกับตอไม้ดังกล่าว

ระทึก ! ทารก 9 เดือนติดซอกล้อหลังรถมอไซค์



หน่วยกู้ภัยเร่งช่วยเหลือ เด็กหญิงวัย 9 เดือน หลังชายเสื้อเข้าไปติดโซ่ ดึงร่างหลุดจากมือแม่พลัดตกลงไปติดอยู่ในซอกล้อหลังรถจักรยานยนต์
วันที่ 25 มี.ค. อาสาสมัครสมาคมกู้ภัยบุญช่วยเหลือ จ.ตราด ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า มีเหตุเด็กติดซอกล้อหลังรถจักรยานยนต์ ที่บริเวณถนนสุขุมวิทขาเข้าตัวเมืองตราด หน้าร้านธงชัยดีเซล บ้านหนองบัว ม.2 ต.วังกระแจะ อ.เมือง จ.ตราด หลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่พยาบาลจากรถกู้ชีพโรงพยาบาลกรุงเทพตราด รุดไปตรวจสอบและให้ความช่วยเหลือ 
เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุพบร่างของเด็กผู้หญิงติดอยู่ในซอกล้อหลังรถจักรยานยนต์ยี่ห้อฮอนด้าเวฟ 100 สีแดงดำ หมายเลขทะเบียน กตย 158 ตราด ซึ่งจอดอยู่ริมถนน ในสภาพลมหายใจเริ่มอ่อนแรง และร่ำร้องด้วยความเจ็บปวดอยู่ตลอดเวลา ทราบชื่อภายหลังว่า น้องดาว อายุ 9 เดือน เบื้องต้นทีมงานรถกู้ชีพจากโรงพยาบาลกรุงเทพตราดได้นำถังออกซิเจนมาทำการติดตั้งเพื่อช่วยหายใจ ส่วนทีมงานอาสาสมัครกู้ภัยตราดได้หาอุปกรณ์มาทำการถอดล้อหลังรถจักรยานยนต์และโช๊คอัพหลังออก เพื่อช่วยเหลือนำร่างของเด็กออกมา ซึ่งใช้เวลานานกว่าครึ่งชั่วโมงจึงสามารถช่วยเหลือนำร่างของเด็กออกมาได้ 
จากนั้นได้ให้ทีมงานรถกู้ชีพจากโรงพยาบาลกรุงเทพตราดรีบนำตัวเด็กพร้อมด้วย นางเฮง สุขุม อายุ 41 ปี ชาวกัมพูชา มารดาของเด็ก ซึ่งได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ ส่งรักษาตัวยังโรงพยาบาลตราด               
จากการสอบถาม นายรน ชัย อายุ 42 ปี ชาวกัมพูชา ผู้เป็นบิดา เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุตนเองพร้อมด้วยภรรยา ได้พากันขับขี่รถจักรยานยนต์มุ่งหน้าเข้าตัวเมืองตราด เพื่อซื้อกับข้าว โดยให้ภรรยาเป็นคนอุ้มน้องดาวบุตรสาววัย 9 เดือนมาด้วย เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุรถจักรยานยนต์เกิดเสียหลักเนื่องจากชายเสื้อของน้องดาวเข้าไปติดในโซ่ล้อหลังรถจักรยานยนต์และดึงร่างของน้องดาวพลัดตกลงไปติดอยู่ในซอกล้อหลัง  เมื่อตนเองหยุดรถจักรยานยนต์แล้วลงดูบุตรสาวที่สลบแน่นิ่งไปแล้วทำให้ตกใจจนทำอะไรไม่ถูก จนกระทั่งมีพลเมืองขี่รถผ่านมาจึงได้ขอความช่วยเหลือให้ช่วยแจ้งทีมงานอาสาสมัครกู้ภัยตราดและทีมรถกู้ชีพจากโรงพยาบาลมาช่วยเหลือดังกล่าว
สำหรับอาการของน้องดาวขณะนี้ได้อยู่ในความดูแลของแพทย์และพยาบาลโรงพยาบาลตราดแล้ว โดยอาการเบื้องต้นมีบาดแผลจากการบดทับของลูกเซ็นล้อหลังรถจักรยานยนต์ที่บริเวณแขนข้างซ้าย เท้าขวา ไหล่ซ้าย และศีรษะมีรอยปูดบวม ส่วนสภาพอาการภายใน และกระดูก แพทย์ต้องทำการเอ็กซเรย์ตรวจสอบให้ละเอียดอีกครั้ง


วันพุธที่ 21 มีนาคม พ.ศ. 2555

วิธีสร้างกำลังใจให้ตัวเอง

บางช่วงเวลาของชีวิต เคยรู้สึกบ้างไหมว่า "ตัวเองกำลังประสบกับความล้มเหลว"
ถ้าเคย ... ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะถ้ามีคำว่า "ความสำเร็จ" ก็ต้องมีคำว่า "ล้มเหลว"
เป็นของคู่กัน เพียงแต่ว่าคุณจะต้องรับกับสถานการณ์ความล้มเหลวแล้วลุกขึ้นสู้
อีกครั้งได้อย่างไร? ชีวิตนับหนึ่งได้ และเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ โดยยึดหลักง่าย ๆ
ไว้เตือนใจตัวเองว่า....

'๑' = ทำดีที่สุดแล้ว = '๑'
คนที่ไม่เคยล้มเหลวคือคนที่ไม่เคยทำอะไรเลย คนที่ประสบความล้มเหลว
คือคนที่น่ายกย่องมากกว่า เพราะอย่างน้อยก็ได้ลงมือทำ อย่ากลัวกับ
ความล้มเหลวที่จะเกิดขึ้น เพราะมันจะเป้นบทเรียนและประสบการณ์อันยิ่งใหญ่
ให้เราได้เรียนรู้ว่า หนทางแห่งความสำเร็จอยู่ตรงไหน ... อย่างไร?
ให้คิดเสียว่า ... "เราทำดีที่สุดแล้ว"

'๒' = อย่ายอมแพ้ = '๒'
ไม่มีใครจะแพ้ตลอด และไม่มีใครจะเป็นผู้ชนะตลอดกาล ฉะนั้น จงอย่ายอมแพ้
โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการแพ้ใจตัวเอง ทุกครั้งที่คุณหกล้มหรือก้าวพลาด จงอย่า
ยอมแพ้ ให้ลุกขึ้นสู้และก้าวเดินต่อไปอย่างสง่างามอีกครั้ง แพ้อะไรก็แพ้ได้แต่
อย่าแพ้ใจตัวเองก็แล้วกัน เพราะถ้าเราแพ้ใจตัวเอง นั้นหมายถึงเราโดนน๊อคตั้งแต่
ยังไม่เริ่มชกแล้ว จงบอกกับตัวเองว่า หนทางแห่งชัยชนะยังรอคุณอยู่ข้างหน้า
ค่อย ๆ ตั้งสติ คิดอย่างมีสติ และรอบคอบ แล้วลุกขึ้นมาสู้อีกครั้ง

'๓' = นับหนึ่งถึงร้อย = '๓'

ทุกครั้งที่ท้อถอย หรือหมดกำลังใจ ก่อนจะเดินถอยหนี หยุดคิดสักนิด ลองนับ
หนึ่งถึงร้อยก่อน อย่าตัดปัญหาด้วยการทิ้งปัญหา และหันหลังเดินจากไป นั่นไม่ใช่
วิธีการแก้ปัญหาที่ดี เพราะปัญหามันยังคงหมักหมมอยู้ตรงนั้น จงบอกกับตัวเอง
ให้อดทน..อดทน...และอดทน รอวันเวลาและโอกาสที่จะมาถึง แล้วค่อย ๆ เดิน
หน้าสู้ต่อไป

'๔' = เหนื่อยนักก็พักก่อน = '๔'
วันนี้อาจจะเหนื่อย และท้อแท้กับปัญหาที่เกิดขึ้น นั่นอาจเป็นสัญญาณที่ดีอย่าง
หนึ่งที่คอยเตือนให้เรารู้ว่า ถึงเวลาแล้วที่เราต้องหยุดพักเสียบ้าง
หยุดพักเพื่อที่จะทบทวนกับปัญหาที่ผ่านเข้ามาในชีวิต หยุดพักเพื่อถอยออกมา
หนึ่งก้าว แล้วมองย้อนไปมองดูปัญหาในอีกมุมหนึ่ง บางที่อาจทำให้เรามองเห็น
ปัญหาในมุมที่กว้างขึ้น
การหยุดพักไม่ได้หมายถึงการทำให้เราต้องยอมแพ้ หรือถอยหลัง แต่การหยุด
พักจะทำให้เราได้ชาร์ทแบตเตอรี่ หรือเติมกำลังใจให้เข้มแข็งขึ้น และมีเรียวแรง
ที่จะสู้กับปัญหาต่อไป

'๕' = หยุดคิดเพื่อทบทวน = '๕'
การหยุดคิดเพื่อทบทวนจะทำให้เราแก้ปัญหาได้ดีขึ้น เพราะบางทีการหมกมุ่นอยู่
กับสิ่งใดสิ่งหนึ่งนาน ๆ อาจทำให้เรามองไม่เห็นปัญหา หรือวนอยู่กับปัญหานั้นซ้ำ ๆ
ซาก ๆ และถึงทางตันจนหาทางออกไมเจอ
อย่าลืมว่าในมุมมืดที่สุดก็ต้องมีมุมสว่างเล็ดลอดอยู่บ้าง ค่อยๆ คิด ค่อยๆ ทบทวน
แล้วเราจะค้นพบทางสว่างและหาทางออกเจอในที่สุด
๐ บางทีทางออกใหม่จะดีกว่าทางเดิมที่เราเคยเดินมาเสียอีก ๐

'๖' = โอกาสต้องเป็นของคุณ = '๖'
วันนี้ ... เวลานี้ โอกาสอาจยังไม่เป็นของเรา แต่วันข้างหน้าโอกาสต้องเป็นของ
เราไม่ช้าก็เร็ว อย่างน้อยตอนนี้เราก็มีเวลาอย่าเพียงพอที่จะเก็บเกี่ยวความรู้
ประสบการณ์ ความเชื่อมั่น และพลังใจที่จะฝ่าฟันอุปสรรคให้ประสบความสำเร็จ
ได้ต่อไป

'๗' = ต้องชนะ = '๗'
เมื่อเราเรียนรู้ที่จะแพ้ เราก็ต้องเรียนรู้ที่จะชนะด้วย ชัยชนะอาจไม่ได้มาง่าย ๆ
แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเราจะแพ้ตลอดไป "อย่ากลัวที่จะแพ้ และอย่าประมาท
กับชัยชนะที่จะมาถึง"
จงเรียนรู้จากบทเรียนของความพ่ายแพ้ และนำสิ่งนั้นมาเป็นหนทางสู้ต่อเพื่อให้ได้
มาซึ่งชัยชนะ เมื่อเราเคยแพ้ เรายิ่อมรู้ดีว่าวิธีที่จะนำมาซึ่งชัยชนะนั้นต้องทำ
อย่างไร? จงบอกกับตัวเองว่า เราจะต้องเป็นผู้ชนะให้ได้

'๘' = กล้าที่จะฝัน = '๘'
คนที่ไม่เคยมีความฝันคือคนที่ตายแล้ว ไม่ผิดที่ทุกคนจะฝัน เพราะมนุษย์ทุกคน
ย่อมมีความฝัน และฝันของแต่ละคนย่อมแตกต่างกันออกไป
จงกล้าที่จะฝัน และทำสิ่งที่ท้าทายความฝันนั้น แต่อย่าทะเยอทะยานจนเกินความ
เป็นจริง จงก้าวทีละขั้น ก้าวช้า ๆ ก้าวอย่ามั่นใจ เพื่อทำให้ทุกความฝันของเรา
เป็นจริง

'๙' = คิดและวางแผน = '๙'
จะถูกบ้างผิดบ้างก็ไม่เป็นไร แต่จงคิดและวางแผนของเราเสียแต่วันนี้บางทีความ
คิดของเราอาจจะเข้าทางใครสักคน หรือเป็นเรื่องที่ดีก็ได้ อย่าดูถูกความคิดของ
ตัวเอง อย่าคิดว่าความคิดของเราเป็นเรื่องประหลาด บางทีความคิดประหลาดอาจ
เป็นความคิดที่เข้าท่าก็ได้
อย่าลืมว่า ความคิดแปลก ๆ ใหม่ ๆ สามารถสร้างสรรค์สิ่งใหม่ ๆ ในโลกมามากแล้ว
ลองคิดดัง ๆ แล้วบอกความคิดของเราให้คนรอบข้างได้รู้บ้าง บางทีความคิดดี ๆ
ของเราอาจจะเป็นของขวัญชิ้นโบว์แดงสำหรับโลกก็ได้ ใครจะรู้

'๑๐' = ไปให้ถึงเป้าหมาย = '๑๐'
มนุษย์ทุกคนต่างก็มุ่งไปสู่เป้าหมายแห่งความสำเร็จข้างหน้าด้วยกันทั้งนั้น จะไป
ได้ช้าหรือเร็วนั้น อยู่ที่วิธีการและแนวทางของแต่ละคน
กว่าจะถึงภูเขาที่สูงชันย่อมต้องเจอกับขวากหนามที่แหลมคม สติและสมาธีที่
มุ่งมั่นเท่านั้นที่จะทำให้เราเดินผ่านขวากหนามได้
ผู้ฉลาดเท่านั้นย่อมเรียนรู้ที่จะใช้ข้อผิดพลาดนั้นให้เป็นประโยชน์ และผู้ที่อดทน
เท่านั้นที่จะก้าวไปสู่ยอดเขาอันสูงชันได้
ยอดเขาสูงชัน ... ยิ่งสูงยิ่งหนาว แต่เราจะไม่เหน็บหนาวเพียงลำพัง ถ้าเราไม่
ลืมว่าบรรยากาศบนพื้นดินที่เคยเดินผ่านมานั้นเป็นอย่างไร

๐ ให้โอกาสและกำลังใจกับตัวเอง และจงบอกกับตัวเองเสมอว่า ๐

.......... ชีวิตนับหนึ่งได้เสมอ ..........